เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ฟีฟ่า หรือ www.fifa.com ได้ออกมาระบุถึงบทสัมภาษณ์ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์ 1 ของทีมชาติไทย จากสโมสร เอสซีจี เมืองทองฯ โดยขึ้นหัวว่า "แดงดา : ประเทศไทยได้เรียนรู้จากความผิดพลาดก่อนหน้านี้"

        โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเกริ่นมาด้วยเนื้อเรื่องของการที่ทีมชาติไทย จบด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม เอฟ ในรอบสอง เหนือกว่า อิรัก, เวียดนาม และไต้หวัน จนสามารถผ่านเข้ามาสู่รอบ 12 ทีมได้ เหมือนกับที่พวกเขาเคยขยับเข้าใกล้ในรอบ 10 สุดท้าย ของฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ

        ในรอบที่ผ่านมา นักเตะที่เป็นแรงผลักดันอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีม คงจะหนีไม่พ้น ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าวัย 28 ปี จาก เอสซีจี เมืองทองฯ ซึ่งเป็นอันดับสามของดาวซัลโว "ช้างศึก" ที่เวลานี้ทำไป 34 ประตู จาก 73 เกมที่ลงเล่นให้กับทีมชาติไทย

        โดย ธีรศิลป์ แดงดา ได้เปิดใจกับทางฟีฟ่าว่า "เราไม่กลัวคู่แข่งของเรา เราไม่ผ่านเข้ามารอบนี้ (12 ทีมสุดท้าย) ด้วยการวาดแต่อย่างใด ทว่าเราได้เตรียมทีมมาอย่างหนักจนเข้ามาถึงรอบนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองที่เราทำได้ในการเข้ารอบสามของเอเชีย"

        "พวกเราพยายามแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆที่เกิดขึ้น และเราวางแผนทุกอย่างในระยะเวลาที่เรามี ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, การซ้อมในแต่ละมื้อ เรามีความใจจดใจจ่อกบการแข่งขันในทุกครั้ง"

        จากนั้นฟีฟ่าได้สอบถามถึงการคุมทีมของ "ซิโก้" เฮดโค้ชวัย 43 ปี ที่เป็นกุนซือที่รักของแฟนบอลทั้งประเทศว่า "เมื่อผู้เล่นฟุตบอลเสมือนนักเตะ พี่โก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) เป็นคนที่รู้นิสัยของคนไทย ทัศนคติ และวิธีการเล่นฟุตบอลอย่างแท้จริง ถ้าคุณลองดูนักเตะแต่ละตำแหน่งไม่ได้ดีสุดของประเทศไทย แต่เรากลับเล่นกันได้ดีและมีความแข็งแกร่งเมื่ออยู่รวมกัน เพราะโค้ชรู้วิธีที่จะพูดคุย กระตุ้นให้เราคิดไปข้างหน้าเสมอ"

        "เขา (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) เปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นของเรา โดยชี้ให้เห็นทั้งสองด้านที่โดดเด่นและข้อแก้ไขของผู้เล่นแต่ละคน เขานำความสามารถของนักเตะขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้ รวมทั้งสามารถใช้ตัวสำรองที่มีอยู่ ให้ลงมาช่วยพลิกเกมได้ในแต่ละนัด"

        "ผมหวังเล็กๆว่าเราจะสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการไปฟุตบอลโลกให้ได้ แม้ว่ามันจะยากในรอบนี้ แต่ถือเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้เรียนรู้มาตรฐานของเอเชียที่ใกล้ระดับโลกเข้าไปในทุกขณะ และจะทำให้นักเตะรุ่นต่อไปได้เห็นตัวอย่างจากทีมของเรา แม้ว่ามันจะไม่ง่ายแต่เราจะทำงานให้หนักกว่าเดิม เพราะไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น จริงอยู่ที่พวกเราฝันถึงการไปฟุตบอลโลก แต่ไม่รู้ว่ามีโอกาสมากเพียงใด เพียงแค่เรามีความหวัง ทำไมจะไม่ลงไปเล่น"