แค่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สักครั้งหนึ่งในชีวิต สำหรับคนไทยคนหนึ่งก็ถือว่าเป็นบุญหาที่สุดมิได้แล้ว

         แต่สำหรับ "เจ้าบอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสขวัญใจชาวไทย อดีตมือ 9 ของโลก ถือว่าโชคดีเหนือความโชคดี เพราะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ถึง 2 ครั้ง

          ครั้งแรกเป็นการเข้าเฝ้าฯ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ 14 พฤศจิกายน 2545 ใช้เวลาเข้าเฝ้าฯ ราว 20 นาที

          "ครั้งนั้นผมก็ได้ทูลเกล้าฯ ถวายถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเทนนิส รายการ ทีดี วอเตอร์เฮาส์ โอเพ่น จากการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา โดยพระองค์ท่านทรงพระราชทานเหรียญพระมหาชนกให้ และตรัสว่าเป็นเครื่องหมายของความเพียร เพราะเป็นนักกีฬา ความเพียรจะนำไปสู่ความสำเร็จ"

          ส่วนครั้งที่ 2 ภราดรได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ทั้งครอบครัว "ศรีชาพันธุ์" ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 17 กันยายน 2546

          "ครั้งนี้ถือว่าสูงสุดในชีวิตและครอบครัวของผม ทุกคนได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองมาก ทรงรับสั่งให้ผมเล่นกีฬา ไม่ใช่แค่ลงไปแข่งขันอย่างเดียว แต่ให้ศึกษาคู่ต่อสู้ และศึกษาสภาพแวดล้อมของสนามแข่งขัน สภาพพื้นสนามมีความลาดเอียง หรือฝนตกแล้วน้ำไหลไปทางไหน เพื่อจะได้ประเมินพื้นสนามและวางแผนเกมการเล่นให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้ได้ ถือว่าพระองค์ท่านมองละเอียดมาก ผมเองก็ไม่ได้นึกถึงไปในจุดนี้เลย"

           "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับผมแล้ว ไม่ใช่แค่พระมหากษัตริย์ แต่เป็นยิ่งกว่า ถ้าในมุมของนักกีฬา พระองค์ทรงเป็น "พระมหากษัตริย์นักกีฬา" อย่างแท้จริง ทรงเข้าใจและรู้ลึกถึงคำว่ากีฬา ประโยคที่ว่า รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่ใช่แค่หัวใจของคำว่ากีฬา แต่ยังครอบคลุมได้ทุกอย่าง"