วันที่ 16 ธ.ค.2008 เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2008 (รอบรองฯ นัดแรก ยิง 1 ลูก ชนะ อินโดนีเซีย 1-0)
               
และจากการเอาชนะ มาเลเซีย ได้ 3-0 ในนัดสุดท้ายของรอบแรก ทำให้ทีมชาติไทย มี 9 คะแนนเต็ม เข้ารอบรองชนะเลิศมาเป็นที่ 1 ของกลุ่ม บี ซึ่งได้ไขว์มาเจอกับ อินโดนีเซีย อันดับ 2 กลุ่ม เอ และจำเป็นต้องออกไปเยือนก่อนในวันที่ 16 ธ.ค.2008
               
ด้วยสนาม คีโลร่า บัง การ์โน่ ในกรุงจาการ์ตา ที่จุแฟนบอลไปถึง 70,000 คน คนด้วยกัน หลายคนคงจะมองว่าแฟนบอลอินโดนีเซีย น่าจะสร้างความได้เปรียบในเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่กับ ธีรศิลป์ แดงดา ที่จัดการซัดประตูโทนใน น.6 ทำให้ขุนพล "ช้างศึก" บุกมากุมความได้เปรียบไปก่อน 1-0 แถมยังตุนสกอร์ในการกลับไปเล่นในบ้านตัวเองอีกด้วย

วันที่ 28 ธ.ค.2008 เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2008 (รอบชิง นัดสอง ยิง 1 ลูก เสมอ เวียดนาม 1-1)
               
ในปี 2008 ทีมชาติไทย สามารถทะลุเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ แต่ในเกมแรกพวกเขากลับเปิดบ้านพลาดท่าให้กับ เวียดนาม 1-0 ทำให้ไม่มีทางเลือกมากนักกับนัดสอง ในวันที่ 28 ธ.ค.2008 ที่จะต้องบุกไปชนะแข้งสกุลเหงียนให้ได้ถึง มี ดิ่ง สเตเดี้ยม
               
และกลายเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่ซัดให้ทีมขึ้นนำก่อน 1-0 ใน น.21 จากนั้นก็พับสนามบุกเพื่อหวังประตูที่สอง ทว่ากลับมาโดน เล คอง วินห์ โหม่งให้กับเวียดนามตีเสมอ 1-1 ใน น.90+4 ทำให้จบเกมเสมอไป 1-1 รวมผล 2 นัด แข้งเหงียนคว้าแชมป์ด้วยสกอร์รวม 3-2 แต่ "เทพมุ้ย" ยังคงสถิติที่ยิงเมื่อใดทีมไม่แพ้ต่อไป

วันที่ 27 พ.ย.2012 เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 (รอบแรก นัดสอง กลุ่ม เอ ยิง 3 ลูก ชนะ เมียนมาร์ 4-0)
               
ในปี 2010 จากการตกรอบแรกของทีมชาติไทยนั้น ธีรศิลป์ แดงดา กลับทำสกอร์ไม่ไดแม้แต่ลูกเดียว กระทั่งใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 เขาใช้เวลาจนถึงนัดสองในรอบแรก กลุ่ม เอ ในการกลับมาซัลโวใส่ในรายการนี้อีกครั้ง ด้วยการทำแฮตทริกเสียด้วย
               
ซึ่งการทำแฮตทริกครั้งนี้ เขาระเบิดฟอร์มใส่ เมียนมาร์ ที่เวลานั้นอุดมไปด้วยแข้งรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถหลายคน แต่ ธีรศิลป์ แดงดา ใช้เวลา น.20, 82, 89 บวกกับ อภิภู สุนทรพนาเวศ ซึ่งสามารถชนะในสนามราชมังคลากีฬาสถานไปได้ 4-0

วันที่ 9 ธ.ค.2012 เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 (รอบรองฯ นัดแรก ยิง 1 ลูก เสมอ มาเลเซีย 1-1)
               
ทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากคว้าแชมป์กลุ่ม เอ ให้โคจรมาพบกับคู่ปรับเก่าตลอดกาลอย่าง มาเลเซีย ที่ถือว่าต้องการจะโค่นพลพรรคจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาลงให้ได้เสียที
               
และในเกมแรกของรอบรองฯ ทีมชาติไทย ต้องออกไปเยือนที่สนาม บูกิต จาริล ก่อน ซึ่งโดนยิงนำ 1-0 เสียด้วย ทว่าใน น.78 ธีรศิลป์ แดงดา มาซัดให้ทัพ "ช้างศึก" กลับมาตีเสมอ 1-1 พร้อมกับเก็บอะเวย์โกลกลับไปเล่นในบ้านต่อเกมที่สอง

วันที่ 13 ธ.ค.2012 เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 (รอบรองฯ นัดสอง ยิง 1 ลูก ชนะ มาเลเซีย 2-0)
               
หลังจากไปกุมความได้เปรียบเกมแรกที่พบกับ มาเลเซีย ซึ่งเสมอไป 1-1 แล้ว 4 วันต่อมาขุนพลทีมชาติไทย ภายใต้การกุมบังเหียนของ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ ในยุคนั้น กลับมาเปิดสนามศุภชลาศัยและสามารถเอาชนะไปได้อย่างสะใจทั้งประเทศ 2-0
               
และกลายเป็น "2 พี่น้องตระกูล ธี" ที่พาทีมเอาชนะ มาเลเซีย 2-0 โดย ธีรศิลป์ แดงดา ยิงให้ทีมนำก่อน 1-0 ใน น.60 ก่อนที่ ธีราทร บุญมาทัน จะยิงใน น.65 ทว่าในปีดังกล่าวทีมชาติไทย ปิดฉากการเล่น เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ด้วยการเป็นรองแชมป์ หลังจากปราชัย สิงคโปร์ สกอร์รวม 2 นัด 2-3