ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม เอฟ

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2559

ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) 8 - ลีเกีย วอร์ซอว์ (โปแลนด์) 4

        สนาม : เบฟาวเบ สตาดิโอน, (ดอร์ทมุนด์, เยอรมัน)

         ออกสตาร์ตครึ่งแรกมาได้แค่ 7 นาที ลีเกีย วอร์ซอว์ได้โอกาสก่อน เมื่อ วาดิส อ็อดฌิดฌา-โอโฟเอ้ เปิดมุมให้กับ ยาคุบ เซอร์วินสกี้ ขึ้นโหม่งบอลไปตกบนหลังคาประตู

         ถัดมาสามนาที ลีเกีย วอร์ซอว์ขึ้นนำก่อน 1-0 จนได้จากจังหวะที่ วาดิส อ็อดฌิดฌา-โอโฟเอ้ พาบอลขึ้นทางกราบขวาแล้วผ่านเข้ามาในให้กับ อเล็กซานดาร์ พรีโยวิช แตะแล้วปั่นด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลเลี้ยวเสียบมุมเสาไกลเข้า

ไปอย่างสวยงาม

         อย่างไรก็ตามนาทีที่ 17 เสือเหลืองทวงคืนได้สำเร็จจากจังหวะที่ อุสมาน เดมเบเล่ โยนโค้งให้กับ ชินจิ คางาวะ ดาวเตะชาวญี่ปุ่น โหม่งที่เสาสองจากระยะแค่ 6 หลา บอลเสียบมุมซ้ายเข้าไปตีเสมอเป็น 1-1

         ถัดมานาทีเดียว อุสมาน เดมเบเล่ คนเดิมไหลให้กับ ชินจิ คางาวะ สับด้วยซ้ายจากกลางกรอบเขตโทษ บอลเสียบมุมขวาเข้าไปให้ดอร์ทมุนด์แซงนำ 2-1

         ผ่านมาถึงนาทีที่ 20 ดอร์ทมุนด์นำห่าง 3-1 เมื่อ ราโดสลาฟ เซียร์ซเนี๊ยค นายทวารของลีเกียออกมาชกลูกฟรีคิกที่เปิดเข้ามา บอลไปชนตัวของ นูริ ซาฮิน กองกลางดอร์ทมุนด์เด้งเข้าประตูไป

         อย่างไรก็ตาม ลีเกียไม่ยอมง่ายๆ ไล่มา 2-3 จากจังหวะที่ วาดิส อ็อดฌิดฌา-โอโฟเอ้ ทำชิ่งกับ บาร์ตอสซ์ เบเรสซินสกี้ ที่ดันขึ้นมาโยนให้กับ อเล็กซานดาร์ พรีโยวิช ซัดด้วยขวาเสียบมุมซ้ายเข้าไปในนาทีที่ 24 เป็นประตูที่สองของ

พรีโยวิช ในเกมนี้แล้ว

         เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 29 ลีเกียน่าได้ประตูตีเสมออย่างยิ่ง เมื่อ ยาคุบ เรซนิชซัค กัปตันทีมเปิดบอลให้กับ อเล็กซานดาร์ พรีโยวิช ซัดด้วยขวากลางกรอบเขตโทษบอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

         นาทีเดียวกันนั้น เสือเหลืองนำห่าง 4-2 เมื่อ มาร์โค รอยส์ พาบอลโต้กลับเร็วขึ้นมาให้ อุสมาน เดมเบเล่ ซัดด้วยขวากลางกรอบเขตโทษบอลเสียบมุมซ้ายเข้าไป

         เกมแลกกันสนุก ก่อนที่ดอร์ทมุนด์มาได้ประตูนำห่าง 5-2 ในนาทีที่ 32 จากจังหวะที่ ชินจิ คางาวะ จ่ายให้กับ มาร์โก รอยส์ ยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลเข้ากลางประตูไป หมดครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์นำสบายๆ 5-2

         มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ 7 นาที ดอร์ทมุนด์มาได้ประตูนำขาด 6-2 เมื่อ อุสมาน เดมเบเล่ จ่ายให้กับ มาร์โค รอยส์ ซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลเข้ากลางประตูไป และเป็นประตูที่สองของรอยส์ในเกมนี้

         กระเถิบมานาทีที่ 57 ลีเกีย วอร์ซอว์ไม่ย่อท้อไล่มาห่างๆ 3-6 จากจังหวะที่โต้กลับเร็วขึ้นมา มิโรสลาฟ ราโดวิช จ่ายให้กับ มิชาล คูชาร์ชิค หวดด้วยขวากลางกรอบเขตโทษบอลเข้ากลางประตูไป

         ท้ายเกมนาทีที่ 81 ดอร์ทมุนด์นำหายห่วง 7-3 จากจังหวะที่โต้กลับเร็วขึ้นมา แล้วเป็น เฟลิกซ์ พาสส์ลัค ที่โหม่งเสียบมุมขวาเข้าไป

         สองนาทีให้หลังลีเกียไล่ตามมาเป็น 4-7 เมื่อ มิโรสลาฟ ราโดวิช เปิดให้กับ เนอร์มานย่า นิโคลิช ที่ลงมาเป็นสำรอง ยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษด้านขวาบอลเสียบเสาสองเข้าไปตุงตาข่าย

         ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+2 เจ้าถิ่นมาได้ประตูย้ำชัย ปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ลากบอลตัดเข้ากลางหน้ากรอบเขตโทษก่อนไหลให้ มาร์โค รอยส์ กัปตันทีมวิ่งมาซัดเสาแรกบอลไปแฉลบ  ยาคุบ เรซนิชซัค เป็นการทำประตูตัวเองให้ "เสือเหลือง" เอาชนะ ลีเกีย วอร์ซอว์ แบบถล่มทลาย 8-4 ลิ่วผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายสำเร็จ โดยเกมหน้าจะตัดสินแชมป์กลุ่มที่ ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ในการไปเยือน เรอัล มาดริด

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         ดอร์ทมุนด์: โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ - เซบาสเตียน โรเด้อ, มัทธีอัส กินเทอร์, มาร์ก บาร์ตร้า (เอริค ดวร์ม น.61), เฟลิกซ์ พาสส์ลัค - นูรี่ ซาฮิน (ปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง น.69) - คริสเตียน ปูลิซิซ, ชินจิ คางาวะ, กอนซาโล่ กา

สโตร, อุสมาน เดมเบเล่ (อันเดร เชือร์เล่ น.71)  - มาร์โค รอยส์ (กัปตันทีม)

         ลีเกีย วอร์ซอว์: ราโดสลาฟ เซียร์ซเนี้ยค - บาร์ตอสซ์ เบเรสซินสกี้, ยาคุบ เซอร์วินสกี้, มิชาล ปาซดาน, ยาคุบ เรซนิชซัค (กัปตันทีม) - มิชาล ค็อปซินสกี้, กิลแยร์เม่ คอสต้า (โทมัสซ์ ย็อดโลเวี้ยค น.54) - มิชาล คูชาร์ชิค, มิโรสลาฟ

ราโดวิช, วาดิส อ็อดฌิดฌา-โอโฟเอ้ (เนอร์มานย่า นิโคลิช น.74) - อเล็คซานดาร์ พรีโยวิช (มาเตอุสซ์ วิเตสก้า น.68)

         ผู้ตัดสิน: มาร์ติน สตรอมเบิร์กส์สัน (สวีเดน)

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม เอช

เซบีย่า (สเปน) 1 - ยูเวนตุส (อิตาลี) 3

        สนาม : ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน (เซบีย่า, สเปน)

         เซบีย่าที่ต้องการอย่างน้อย 1 แต้ม จัดคู่หอก ฟรังโก้ วาซเกซ ผนึกกำลังกับ ลูเซียโน่ เวียตโต้ ส่วนยูเวนตุสซึ่งต้องการชัยชนะเพื่อแซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูง ส่ง ฮวน กวาดราโด้ กับ อเล็กซ์ ซานโดร ขนาบหน้าเป้า มาริโอ มานด์ซูคิช

         ผ่านไปแค่ 9 นาทีเจ้าถิ่นนำก่อน 1-0 จากบอลเปิดกราบขวาไปหน้าประตู ดานิเอเล่ รูกานี่ โหม่งสกัดไม่ขาดไปเข้าทาง นิโกลาส ปาเรฮา วอลเลย์ด้วยขวาบริเวณหัวกะโหลกผ่านการป้องกันของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน เสียบเสาซ้ายมือ

         8 นาทีต่อมาเซบีย่าเกือบบวกเพิ่มจากจังหวะสวนกลับเร็ว เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ สปีดมารับบอลทางซ้ายก่อนสับไกยิงเหินข้ามคานไปนิดเดียว

         นาที 36 เจ้าบ้านมาเหลือผู้เล่น 10 คนหลัง ฟรังโก้ วาซเกซ ไปทำฟาวล์ใส่ ซามี่ เคดิร่า เลยโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

         ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ''ม้าลาย'' ได้จุดโทษหลัง กาเบรียล เมร์กาโด้ ทำฟาวล์ใส่ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ในจังหวะเตะมุม เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ รับหน้าที่เพชฌฆาตส่งบอลด้วยขวาจมก้นตาข่ายเป็นประตู 1-1 และจบ 45 นาทีแรกด้วย

สกอร์นี้

         กลับมาต่อครึ่งหลัง นาที 62 ''เบียงโคเนรี่'' ลุ้นประตูขึ้นนำ มิราเล็ม ปานิช เก็บบอลได้กลางสนามก่อนลากขึ้นมาเองแล้วยิงไกลระยะ 25 หลาแต่ไม่ผ่านการป้องกันของ เซร์คิโอ รีโก้

         นาที 84 ยูเว่ ส่ง มอยเซ่ คีน กองหน้าวัย 16 ปี ลงสนามแทน มิราเล็ม ปานิช พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้เล่นคนแรกที่เกิดในปี 2000 ที่ลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

         ทีมเยือนที่ได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่นยังเดินหน้าบุกหวังยิงประตูชัยต่อเนื่อง และมาได้สมใจใน นาที 85 จากบอลเปิดกราบขวาเข้าเขตโทษ นิโกลาส ปาเรฮา โหม่งสกัดมาหน้าเขตโทษ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ วิ่งมายิงสวนด้วยซ้ายพุ่งผ่านมือ

เซร์คิโอ รีโก้ เป็นประตู 2-1

         ช่วงทดเจ็บก่อนหมดเวลา "ม้าลาย" มาได้ประตูย้ำชัย เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ได้บอลแดนกลางก่อนไหลไปให้ มาริโอ มานด์ซูคิช แต่งบอลก่อนยิงผ่านมือ เซร์คิโอ รีโก้ เข้าไปอย่างสวยงามจบเกม "ม้าลาย" เอาชนะ 3-1 ก้าวขึ้นไปเป็น

จ่าฝูง และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว ส่วนเซบีย่าต้องไปตัดสินชะตากับลียงในนัดสุดท้าย

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         เซบีย่า : เซร์คิโอ รีโก้, กาเบรียล เมร์กาโด้, นิโกลัส ปาเรฮา, อาดิล รามี่, มาเรียโน่ แฟร์เรยร่า, บีเซนเต้ อีบอร์ร่า, สตีเว่น เอ็นซอนซี่, บิคตอร์ มาชิน ''บีโตโล่'', เซร์คิโอ เอสกูเดโร่, ฟรังโก้ วาซเกซ, ลูเซียโน่ เวียตโต้

         สำรอง : ซัลวาตอเร่ ซิริกู, มาติอัส กราเนวิตเตร์, ดาเนี่ยล การ์รีโซ่, วิสซาม เบน เยแดร์, ฮิโรชิ คิโยตาเกะ, ปาโบล ซาราเบีย, กานโซ่

         ยูเวนตุส : จานลุยจิ บุฟฟ่อน, ดานี่ อัลเวส, ดานิเอเล่ รูกานี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ปาทริซ เอวร่า, ซามี่ เคดิร่า, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, มิราเล็ม ปานิช, ฮวน กวาดราโด้, มาริโอ มานด์ซูคิช, อเล็กซ์ ซานโดร
 
         สำรอง : เนโต้, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, แอร์นาเนส, มาริโอ เลอมิน่า, ควัดโว่ อซาโมอาห์, สเตฟาโน่ สตูราโร่, มอยเซ่ คีน

         ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก (อังกฤษ)