ความเคลื่อนไหวของทีมลูกหนัง "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ทีมเต็งแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ที่ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ในฐานะแชมป์ สาย เอ ที่เก็บได้ 9 แต้มเต็ม จากการชนะ อินโดนีเซีย 4-2 และเฉือนชัยสิงคโปร์ และ ฟิลิปปินส์ 1-0 ทั้ง 2 นัด โดยมีคิวบุกเยือนเมียนมาร์ ในรอบรองฯ ที่ย่างกุ้ง วันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค. 59 ที่สนามสุวันนะ สเตเดี้ยม เวลาไทย 18.30 น., ก่อนที่จะกลับมาเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในนัดที่สอง วันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 59 เวลา 19.00 น. โดยทั้งสองเกม ช่อง 7 สี ถ่ายทอดสด

          ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธ.ค. 59 "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ได้ร่วมแถลงข่าวความพร้อมก่อนที่จะพบเมียนมาร์ โดยมี เกรส ซิเซ่ เฮดโค้ชเมียนมาร์ และร่วมการแถลงในครั้งนี้ ที่โรงแรมโนโวเทล ย่างกุ้ง ตามเวลาไทย 14.30 น.
 

          ในช่วงเวลา 16.00 น. ตามเวลาไทยวันเดียวกันนั้น ทีมชาติไทยได้เดินทางไปฝึกซ้อมที่สนามแข่งขันจริงเป็นมื้อแรก ตามกฎเอเอฟเอฟ ที่สนามสุวันนะ สเตเดี้ยม สังเวียนความจุ 32,000 ที่นั่ง ที่ตั้งอยู่หน้าสนามฟุตบอลเมียนมาร์

          สำหรับบรรยากาศการฝึกซ้อมนั้น ในรายของ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ได้ลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างเต็มที่แล้ว เช่นเดียวกับ ประทุม ชูทอง เซนเตอร์ฮาล์ฟพันธุ์แกร่งที่สปีดได้เต็มที่แล้วเช่นกัน แต่ทั้งนี้คาดกันว่า "ซิโก้" อาจไม่เลือกใช้งานทั้งคู่ในเกมเจอเมียนมาร์ เพราะต้องการให้พักร่างกายให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะ ธีราทร บุญมาทัน นั้นเอง

"ซิโก้" ยึดสูตรเด็ด "3-4-1-2" ธีรศิลป์ซัลโว

          ในส่วนของผู้เล่น 11 ตัวจริงของทีมชาติไทย ที่คาดกันว่า "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เตรียมจัดทัพลงสนาม ในระบบ 3-4-1-2 ผู้รักษาประตู เป็น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, แนวรับ 3 ราย มี กรวิทย์ นามวิเศษ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์ ฝั่งซ้ายเป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ที่คาดว่าน่าจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงแทน ธีราทร บุญมาทัน ส่วนฝั่งขวาจะเป็น ทริสตัน โด, มิดฟิลด์มี ปกเกล้า อนันต์ ประสานร่วมกับ สารัช อยู่เย็น โดยที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นเพลย์เมกเกอร์ ส่วนคู่หน้ายังเป็น ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีม และผู้นำดาวซัลโว 3 ประตู จับคู่กับ สิโรจน์ ฉัตรทอง

       
พม่าจัดทัพใหญ่ "อ่อง ตู-กอง แซต ไน" ลุย

          ขณะที่เมียนมาร์ ภายใต้การนำทัพของ เกรส ซิเซ่ กุนซือชาวเยอรมัน ที่พาทีมเข้าสู่รอบรองฯ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ โดยจะยึดระบบเดิม 4-5-1 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู คยอ ซิน เพียว, แนวรับ 4 ราย มี ซอ มิน ตุน ที่กดไปแล้ว 2 เม็ดในทัวร์นาเมนต์นี้, เดวิด ฮะตัน, คยอ นันดา, เพียว โค โค, กองกลาง 4 ราย มี คยอ ยาน ออง (กัปตันทีม), โย โค โอ, กอง แซต ไน แข้งดาวรุ่งที่เล่นกับทีมสมุทรสาคร เอฟซี ดิวิชั่น 2 ไทย, อ่อง ตู แข้งตัวความหวังที่ยิง 2 เม็ดเช่นกัน, ลวิน มัง มัง ส่วนหน้าเป้าเป็น วิน ไน ซอ

          โดยทางด้าน เกรส ซิเซ่ กุนซือเมียนมาร์ เผยถึงความพร้อมก่อนเจอไทยว่า "เราให้เกียรติทีมชาติไทยที่ถือเป็นแชมป์เก่า และเต็งหนึ่งในรายการ แต่เราก็เชื่อว่าเมียนมาร์ที่มีแฟนบอลหนุนหลังเพียบ และเราจะเล่นด้วยกำลังใจเพื่อที่ลุ้นเอาชนะไทยในบ้านของเราให้ได้"

สถิติไทยข่ม! ซูซูกิ คัพชนะ 3, เสมอ 3 ไร้พ่าย

          สำหรับสถิติการพบกันระหว่าง เมียนมาร์ และ ไทย มีดังนี้ อันดับโลก เมียนมาร์ 166, ไทย 129 เจอกันทั้งหมด 45 ครั้ง, เมียนมาร์ ชนะ 14 ครั้ง, ไทย ชนะ 17 ครั้ง, เสมอ 14 ครั้ง, เมียนมาร์ ยิงได้ 61 ประตู, ไทย ยิงได้ 80 ประตู

           เกมล่าสุดที่ เมียนมาร์ พบ ไทย ประกอบด้วย 12 ม.ค. 2007 ซูซูกิ คัพ ไทย เสมอ เมียนมาร์ 1-1, 14 ก.ค. 2011 อุ่นเครื่อง ไทย ชนะ เมียนมาร์ 1-0, ให้หลังจากนั้น วันถัดไป อุ่นเครื่องต่อเนื่องอีก 1 เกม 15 ก.ค. 2011 ไทย เสมอ เมียนมาร์ 1-1, 27 พ.ย. 2012 ซูซูกิ คัพ เมียนมาร์ แพ้ ไทย 0-4 และ 29 พ.ย. 2014 ซูซูกิ คัพ ไทย ชนะ เมียนมาร์ 2-0

          ส่วนการพบกันใน "ศึกชิงแชมป์อาเซียน" ทั้งหมด 6 เกม ไทย ชนะ 3 นัด, เสมอ 3 นัด, ไทย ยิงได้ 12 ประตู, เมียนมาร์ ยิงได้ 4 ประตู ทำเนียบแข้งไทยที่ซัดตุงเมียนมาร์ ในเวทีอาเซียน โดยผู้ที่ยิงประตูเมียนมาร์เยอะที่สุดในรายการนี้ คือ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ซัดแฮตทริก 3 ประตู ในซูซูกิ คัพ เมื่อปี 2012