ช้างศึกบินกลับบ้านแล้ว-ซิโกรับนอนไม่หลับ
Posted 15/12/2016 by siamsport
ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซึ่งออกไปแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ต่อ อินโดนีเซีย มา 1-2 ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้จะเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถานในแมตช์สอง เวลา 19.00 น.
ล่าสุดเมื่อเวลา 07.30 น. ของวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ได้เดินทางออกจากโรงแรม แอสตัน เซนตัน เลค รีสอร์ท ในเมืองโบกอร์ เพื่อไปยังสนามบิน โซการ์โน่ ฮัตต้า ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสาเหตุที่ต้องออกในช่วงเช้าเนื่องจากปัญหาสภาพการจราจรที่ติดขัดนั่นเอง ก่อนที่จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่งในการถึงสนามบิน โซการ์โน่ ฮัตต้า ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และเดินทางกลับเมืองไทยด้วยการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 434 ในเวลา 13.05 น. ใช้เวลาในการบินราว 3 ชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 16.55 น.
"ซิโก้" เผยทำไม "ตั้ม" ไม่คุมหลัง
ก่อนที่ทีมชาติไทยจะออกเดินทางกลับมายังประเทศไทย "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ยังได้เปิดใจเกี่ยวกับการที่ปรับหมาก ไม่ส่ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงลงสนามในเกมพบกับ อินโดนีเซีย รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ก่อนที่จะปราชัยไป 0-2 ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา
"การที่ผมส่ง อดิศร พรหมรักษ์ ลงนั้น คงจะไม่เกี่ยวกับการดร็อป ธนบูรณ์ เกษารัตน์ อย่างแน่นอน เนื่องจากแต่ละเกมจะขึ้นอยู่ที่แท็คติก แต่จริงๆแล้วเราพลาด 2 ลูก ซึ่งสมาธิของเราอาจจะเสียไปนิดหน่อย แต่การเล่นนอกบ้านเราบอกทุกครั้งแล้วว่าไม่ใช่เกมที่ง่าย"
"ยอมรับว่าลูกโด่งของ อินโดนีเซียอันตรายไม่น้อย ฉะนั้นในเกมที่สองเราต้องไม่เสียจุดนี้อย่างเด็ดขาด เวลาเราเสียลูกเซ็ตพีททุกคนต้องกลับลงมาช่วยกัน เพราะเราจะหาคนสูงใหญ่กว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว เราจึงจำเป็นต้องหยุดการครอสของของพวกเขาให้ได้"
ก่อนแข่ง 1 วันเน้นเรื่องแท็คติก
ต่อข้อสักถามของผู้สื่อข่าวที่ยิงประเด็นในเรื่องก่อนแข่ง 1 วัน หรือวันที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยปกติแล้วทีมชาติไทย จะให้ทุกคนได้ซ้อมแบบรีแล็กซ์เท่านั้น แต่การปราชัยในเกมแรก ของรอบชิงชนะเลิศ มา 1-2 จะมีการซ้อมแท็กคติกเพื่อเตรียมไว้รับมืออินโดนีเซียหรือไม่
"ซิโก้" ตอบว่า "แน่นอนว่าการซ้อมเราจะปรับมาเน้นในเรื่องแท็คติกมากกว่าเดิม แม้ว่าเรื่องดังกล่าวเราได้พูดคุยรวมทั้งซ้อมกันมาหมดแล้วหลายครั้ง เพียงแต่ว่าเราจะจัด 11 ผู้เล่นคนใดลงไปสนามในการพบกับ อินโดนีเซีย ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้"
"ซึ่งการกลับไปที่เมืองไทยในครั้งนี้ เราจำเป็นต้องฟื้นฟูร่างกายของนักเตะให้กลับมาเร็วที่สุด เพื่อที่จะพร้อมในการบดกับ อินโดนีเซีย แต่เราอยากจะรู้ว่าเวลานี้แฟนบอลยังเชื่อมั่นในทีมชุดนี้ต่อหรือไม่ เพราะผู้เล่นทุกคนต้องการกำลังใจในเกมนัดที่สอง"
รับนอนไม่หลับเพราะคิดแผนต่อ
"ซิโก้" ยังยอมรับว่า จากความปราชัยต่อ อินโดนีเซีย มา 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ของศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าตัวออกอาการนอนไม่หลับเช่นกันเดียวกัน
"ยอมรับแบบตามตรงว่าผมเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เพราะผมได้คิดถึงแท็คติกนัดชิงชนะเลิศ นัดสองเอาไว้ โดยที่ผมต้องคิดต่อไปว่ากลับไปจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากเกมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เป็นเกมแรก แต่วันที่ 17 ธ.ค.นี้ จะเป็นแกรนด์ ไฟน่อล (การชิงชนะเลิศของจริง)"
"ในวันนี้ผมบอกนักเตะว่าหากเสมอ 0-0, 1-1 หรือ 2-2 สุดท้ายก็ต้องไปยิงในบ้าน 1-0 อยู่แล้ว ในวันนี้โชคดีว่าเราได้อะเวย์โกลแม้ว่าเราจะแพ้มา 1-2 ก็ตาม ฉะนั้นถ้าเราทำได้จะคว้าแชมป์ แต่ถ้าทำไม่ได้เองก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น"
ต้องใช้แผน "ตีงูต้องตีให้ตาย"
"ซิโก้" ยังพูดถึงเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดสิง ว่า ต้องใช้แผน "ตีงูต้องตีให้ตาย" อีกด้วย "การเล่นกับ อินโดนีเซีย ในเกมที่สอง เราต้องเล่นแบบตีงูต้องตีให้ตาย คือ ฟุตบอลในวันนี้มันไม่ได้ง่าย ทุกคนเห็นแล้วว่าขีดความสามมารถของทีมในอาเซียนอยู่ตรงไหน"
"แต่หลังจากนี้เรามีเวลาพักแค่ 1 วันเท่านั้น ก่อนจะลงทำการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งจากเวลาที่เหลือเพียงเล็กน้อยเราคงไม่มีการฝึกซ้อม แต่ต้องเร่งฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักเตะให้กลับมาสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ในส่วนของแทคติดการเล่นนั้นเชื่อว่าทุกคนเข้าใจการเล่นในหลากหลายระบบอยู่ แล้วไม่น่ามีปัญหา"
"เกมนัดแรกที่เราแพ้ให้กับอินโดนีเซีย นักเตะทุกคนรู้สึกผิดหวัง อีกทั้งมาบางส่วนถูกต่อว่าทางโลกโซเชียลฉะนั้นตอนนี้ทำอย่างไรให้นักเตะมี สภาพจิตใจที่ดีขึ้นมา ซึ่งตนได้บอกไปว่าฟุตบอลมีแพ้มีชนะ หากเรากลับมาชนะในบ้านได้มันก็ไม่มีปัญหา แต่หากเรากลับมาแพ้ในบ้านด้วยก็ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่ดีพอด้วย"
ไม่สนใจประวัติศาสตร์เก่านัดชิง
พร้อมกันนี้กุนซือทีมชาติไทยยังได้ระบุถึงอดีตที่ผ่านมาของทีม ชาติไทย ในการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของถ้วยใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า "ผมไม่รู้ว่าสถิติที่ผ่านมาในการผ่านมาถึงรอบนี้ของทีมจะเป็นอย่างไร"
"แน่นอนว่าในปี 2014 ที่เราได้แชมป์นั้น เพราะนักเตะต่างไม่มีความกดดัน เนื่องจากเป็นสายเลือดใหม่ที่เราดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แต่ในตอนนี้ผมคิดว่าพวกเขามีความกดดันเยอะมากขึ้น จากทั้งผู้เล่นที่ไม่เคยได้แชมป์รายการนี้ รวมทั้งคนที่ต้องป้องกันแชมป์"
"แน่นอนว่าการกลับไปเล่นในบ้านเราครั้งนี้ ผมจะไม่มองสถิติในรอบชิงชนะเลิศ ที่ทีมชาติไทยเคยเข้ามาก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นักเตะชุดนี้ที่เราเตรียมทีมกันมาร่วม 1 เดือน จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย"
ย้ำไม่โทษกรรมการเพราะต้องการพัฒนา
ขณะเดียวกันเรื่องที่ยังคงถูกพูดถึงในโลกโซเชียลเวลานี้ คงจะหนีไม่พ้นการทำหน้าที่ของ จุมเปอิ ไออิดะ เชิ้ตดำญี่ปุ่นในวัย 35 ปี ที่ได้ขึ้นเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าในปี 2011 โดยเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูอย่างมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม "ซิโก้" ได้ออกมาบอกว่า
"เป้าหมายของเรานอกจากจะมาเพื่อป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 แล้ว ผมได้เคยพูดตลอดว่าเราต้องการที่จะพัฒนาวงการฟุตบอลของแถบเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ให้ทัดเทียมขึ้นไปต่อกรกับทีมชั้นนำในเอเชียให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้"
"ไม่ใช่ว่าทีมฟุตบอลที่เราอยากจะพัฒนาแต่ยังเป็นเรื่องขององค์ ประกอบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการแข่งขัน หรือ ผู้ตัดสิน ที่ต้องยกระดับมาตรฐานขึ้นมา ฉะนั้นในเกมที่เราแพ้ อินโดนีเซีย 1-2 จึงอยากจะให้ทุกคนได้เห็นกันเองว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเป็นเช่นไร โดยที่เราคงจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกแล้ว"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
เพิ่งมาก็ไม่รอด! รูเบน อโมริม รับอาจโดนปลดหากแมนยูผลงานยังห่วย
ตามนั้น! วินิซิอุส หน้าบาน โรนัลโด้ เชิดชูแข้งเก่งสุดในโลก
วิเคราะห์บอล ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบ ทีมชาติไทย วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 67
แม้ชนะเกมแรกกุนซือเวียดนามไม่ประมาท เชื่อสิงคโปร์มีทีเด็ด
แฟนหงส์ว่าไง? เนมานยา วิดิช เผยเคยเกือบเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
คลิปไฮไลท์