เป็นอีกหนึ่งแดงเดือด ที่เข้มข้น และตื่นเต้นสุดยอด คู่ควรกับการรอคอยของแฟนบอลอย่างแท้จริง หลังเกมการแข่งขัน ทั้งคู่แบ่งไปคนละแต้ม แต่มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างไปติดตามกัน

1 มูรินโญ่ - คล็อปป์ กินกันไม่ลง

นี่คือสองกุนซือที่ว่ากันว่า เป็นผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ของแมนฯยูไนเต็ด และ เจอร์เก้น คล็อปป์ของลิเวอร์พูล ซึ่งแมตช์แดงเดือดนี้ ทั้งสองคนก็โชว์การวางแท็กติกส์ที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นจนจบ

โชเซ่ มูรินโญ่ เปลี่ยนตัวเอามารูยาน เฟลไลนี่ลงสนามเป็นตัวสุดท้าย ซึ่ง "มู" รู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ พอเอาเฟลไลนี่ลง ก็มีส่วนสำคัญทำให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ

ขณะที่เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังเปลี่ยนคูตินโญ่แล้ว เขายังเหลือโควต้าได้อีกสองคน แต่คล็อปป์เลือกจะไม่เปลี่ยนใครเลย เพราะทีมกำลังดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใครลงมาเพื่อทำให้บาลานซ์เสียไป และสุดท้ายก็ได้ผลเสมอออกมา

2 ป็อกบา สามวันดีสี่วันไข้

ป็อกบา คือนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก และแน่นอน แฟนๆคาดหวังในตัวเขาอย่างมหาศาล แต่ทว่า บางนัดก็เล่นดีเหลือเกิน บางนัดก็น่าผิดหวังมากๆ

ในเกมกับลิเวอร์พูล เจ้าตัว ไม่สร้างประโยชน์อะไรให้ทัพปีศาจแดงเลย เขาเป็นคนทำเสียจุดโทษ  จังหวะหลุดเดี่ยวก็ยิงออกไปไม่ได้ลุ้น นอกจากนั้นยังมีจังหวะไปเหนี่ยวคอผู้เล่นลิเวอร์พูลจนล้มกลิ้งไปอีกด้วย

ในวันที่เขาเล่นดี แมนฯยูไนเต็ดจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีบางวันที่เขาฟอร์มดร็อปลงไปดื้อๆแบบนี้ ซึ่ง ป็อกบาต้องกระตุ้นตัวเองให้ ระเบิดผลงานในเกมสำคัญออกมาบ้าง

3 ลิเวอร์พูลเก่งเสมอในการเจอทีมใหญ่

ผลงานของลิเวอร์พูลในการเจอกับทีมท็อปซิกส์บนหัวตาราง พวกเขายังไม่แพ้ใครแม้แต่เกมเดียว ไม่เพียงแค่นั้น ในเกมเยือน 4 นัดที่พบกับทีมลุ้นแชมป์ ทีมหงส์แดงเก็บได้ถึง 8 คะแนน
 ชนะอาร์เซน่อล 4-3, ชนะเชลซี 2-1 ,เสมอ สเปอร์ส 1-1 และ เสมอแมนฯยูไนเต็ด 1-1 นั่นแสดงให้เห็นว่า ยุคนี้ เกมเยือนไม่ใช่จุดอ่อนของทีมหงส์แดงอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเจอร์เก้น คล็อปป์เข้ามาปรับเปลี่ยนตรงนี้ ให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการเล่นกับทีมใหญ่ๆ ที่มีระดับฝีเท้าใกล้เคียงกัน

ถ้าหากลิเวอร์พูลแน่นอนกว่านี้ ในการเจอกับทีมเล็กๆ พวกเขา คงได้ขึ้นแท่นเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกไปนานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ ทีมหงส์แดงต้องรีบแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะการจะเป็นแชมป์ลีกได้ การเอาชนะทีมระดับเดียวกันอย่างเดียว ไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องเก็บแต้มจากทีมเล็กๆได้ต่อเนื่องด้วย

4 จากนี้ไปคือบททดสอบสำคัญของปีศาจแดง

หลังจากคว้าชัยมา 9 เกมติดต่อกัน ในที่สุุดแมนฯยูไนเต็ดก็ไม่สามารถเก็บสามแต้มได้ ด้วยการเสมอกับลิเวอร์พูลในนัดแดงเดือด

คำถามคือ เมื่อแมนฯยูไนเต็ด เริ่มทำแต้มหล่น พวกเขาจะเป๋ไปเลยหรือไม่ นักเตะในทีมจะมีสมาธิในการเก็บสามแต้มมากแค่นี้ ซึ่งหากเราไปไล่ดูโปรแกรมของแมนฯยู จะเห็นว่า เจอแค่คู่แข่งที่เขี้ยวเหมือนกัน โดยนัดต่อไป แมนฯยูไนเต็ดต้องไปเยือนสนามที่ยากของบริทานเนีย ของสโต๊ค ซิตี้  ตามด้วยเล่นในบ้านพบฮัลล์ และ ไปเยือนคิงพาวเวอร์ ของเลสเตอร์ ซิตี้

สามเกมต่อไป จะเป็นเครื่องชี้วัดเลยว่า พวกเขามีลุ้นถึงท็อปโฟร์  หรือว่า จะได้แค่ประคองตัวให้จบอันดับ 5-6 เพียงแค่นั้น

5 โอกาสลุ้นแชมป์ของหงส์ยังเปิดกว้าง

การเสมอของลิเวอร์พูล ทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขา กับเชลซี จ่าฝูงเพิ่มเป็น 7 คะแนน

7 คะแนนเป็นตัวเลขที่ดูเหมือนเยอะ แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ได้มากมายขนาดนั้น ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมที่ต้องเปิดแอนฟิลด์พบกับเชลซีอยู่ในมือ ซึ่งถ้าหากเอาชนะได้ จะร่นแต้มเหลือแค่ 4 คะแนน ซึ่งถือว่า สามารถพลิกผันได้ตลอด

ในอดีตที่ผ่านมา ฤดูกาล 2011-12  แมนฯยูไนเต็ด เคยนำ แมนฯซิตี้ 8 แต้ม ขณะที่เหลือเกมการแข่งแค่ 6 นัดเท่านั้น แต่สุดท้าย แมนฯซิตี้ก็พลิกกลับมาได้แชมป์ในซีซั่นนั้น ซึ่ง เหตุการณ์แบบนั้นอาจเกิดกับลิเวอร์พูลได้ แต่ที่สำคัญก็คือ จากนี้ไป พวกเขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว