มิดฟิลด์จากกว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ กลายเป็นพระเอกของเกมนี้ หลังแผลงฤทธิ์ทำสามประตูพาทัพเซเลเซาบุกเก็บชัยได้ถึงถิ่นจอมโหด

ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ กุนซือเจ้าบ้าน หดมสิทธิ์ใช้งานดาวยิงตัวสำคัญอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งติดโทษแบน ทำให้ต้องฝากความหวังในแดนหน้าไว้ที่ เอดินสัน คาวานี ที่จะคอยทำเกมรุกร่วมกับ คริสเตียน โรดริเกวซ และ ดีเอโก้ โรลัน

ด้านทีมเยือนของ ติเต้ ซึ่งยึดครองจ่าฝูงของโซนอเมริกาใต้อยู่ในเวลานี้ นำทัพมาโดยสองคู่หูจากลิเวอร์พูลอย่าง ฟิลิปป์ คูตินโญ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ซึ่งจะประสานงานในแนวรุกร่วมกับเพลย์เมคเกอร์ซูเปอร์สตาร์ความหวังสูงสุดอย่าง เนย์มาร์

ออกสตาร์ทเกมมาเพียงแค่ 9 นาทีเท่านั้น เป็นอุรุกวัยที่มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ มาร์เซโล ใช้หน้าอกพักบอลหมายจะส่งคืนหลังให้ อาลิสสัน รับเข้าซอง แต่ดันโดน คาวานี โฉบมาแตะถึงลูกได้จนทำให้ผู้รักษาประตูจากโรมาที่มาช้ากว่ากลายเป็นใช้มือเกี่ยวขาดาวยิงจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ล้มลงไป และก็เป็น คาวานี ที่ลุกขึ้นมาสังหารด้วยตัวเองเข้าไปไม่พลาด ส่งให้ทัพจอมโหดออกนำ 1-0

แต่ถัดมานาทีที่ 19 บราซิลก็สามารถตามตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่ เนย์มาร์ ไหลบอลให้ เปาลินโญ ตั้งป้อมซัดไกลด้วยขวาเต็มข้อ ส่งบอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังกลายเป็นบราซิลที่เป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำบ้าง ในนาทีที่ 52 จากจังหวะที่ ฟีร์มิโน ยิงด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษไปติดเซฟของ มาร์ติน ซิลบา ปัดทิ้งมาเข้าทางปืนของ เปาลินโญ เจ้าเก่า วิ่งตามมาแปซ้ำดาบสองจ่อๆด้วยซ้ายไม่เหลือซาก ส่งให้ทัพเซเลเซาแซงนำ 2-1

จากนั้นนาทีที่ 74 บราซิลมาบวกลูกสามเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ เจา มิรานด้า เตะสาดโด่งจากแดนตัวเองไปถึง เนย์มาร์ ที่ได้บอลหลุดเดี่ยวก่อนจะตัดสินใจงัดข้ามหัว มาร์ติน ซิลบา ย้อยเข้าไปแบบเหนือชั้น ช่วยให้อดีตแชมป์โลก 5 สมัยบุกนำห่าง 3-1

ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+2 ทีมเยือนมาได้ประตูที่สี่ปิดกล่อง จากจังหวะที่ ดาเนียล อัลเวส เปิดบอลจากราบขวาเข้าเขตโทษให้ เปาลินโญ โฉบมาใช้หน้าอกพักบอลเขาไปแบบง่ายดาย เป็นแฮตทริคของเจ้าตัวด้วย ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นบราซิลที่บุกมาถล่มเอาชนะไปแบบขาดลอยถึง 4-1