ธีรศิลป์ แดงดา จะสวมปลอกแขนกัปตันทีม พาทีมชาติไทย ลงแข่งขันฟุตบอลโลกรอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย กลุ่มบี พบกับหนึ่งในตัวเต็งอย่าง ญี่ปุ่น ในช่วงเย็นวันอังคาร ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส

 ญี่ปุ่น vs ไทย 

  ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม B นัดที่ 7

  สนามไซตามะ สเตเดี้ยม 2002   เวลา : 17.35 น.

  ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 , Fox Sports

 
          ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชียจะแข่งขัน เป็นเกมที่ 7 ในรอบแบ่งกลุ่ม วันอังคารนี้ ทั้งกลุ่มเอ และกลุ่มบี
 
 
          ไฮไลท์ที่ชาวไทย ให้ความสนใจ แน่นอนว่า อยู่ที่สนามไซตามะ เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ ทีมซามูไร บลูส์ จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของขุนพลช้างศึกไทย

 
 
          สถานการณ์ของไทยตอนนี้ มี 1 แต้ม จากการลงแข่ง 6 นัด โอกาสเข้ารอบแทบเป็น 0% แล้ว แต่ 4 นัดต่อจากนี้จะเป็นการเล่นเพื่อศักดิ์ศรี และเพื่อสถิติใหม่ๆของทีมชาติ

  ความพร้อมทีมชาติไทย 
 

          ขุนพลทีมช้างศึก เดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา นักเตะได้พักฟื้นร่างกายเต็มที่ 1 วัน ก่อนจะกลับมาซ้อมกันเต็มรูปแบบตั้งแต่วันอาทิตย์ รายงานระบุว่า ที่ญี่ปุ่นมีอากาศเย็น ไม่ถึง  5 องศาเซลเซียส ทำให้นักเตะหลายคน ต้องปรับตัวพอสมควร เพราะที่ไทยอากาศร้อนถึง 36 องศาเซลเซียส
 
 
          สภาพทีม นัดนี้ไม่มีธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีม ที่ติดโทษแบน จากการสะสมใบเหลือง 2 ใบ โดย ซิโก้ เรียกตัว นูรูล ศรียานเก็ม จากชลบุรี เข้ามาเติมเต็ม ขณะที่ตำแหน่งแบ็กซ้าย เชื่อว่า พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา จะแทนที่ไม่มีปัญหา
 
 
          สำหรับแผนการเล่นนั้น คาดกันว่า จะใช้ระบบเดิม เหมือนในเกมกับออสเตรเลีย และ ซาอุดิอาระเบีย คือ 3-5-2  ใช้สามเซ็นเตอร์แบ็ก เพื่อเน้นเกมรับให้เหนียวแน่น
 
 
          ตัวที่คาดว่าน่าจะได้ลง คือ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ , ประทุม ชูทอง และ อดิสร พรหมรักษ์ เซ็ตเดิมจากเกมที่แล้ว ส่วนวิงแบ็กซ้ายขวา เป็นพีระพัฒน์ กับ ทริสตอง โด
 
 
          กองกลาง ปกเกล้า อนันต์ กับ จักรพันธ์ แก้วพรม ตัวจริงในเกมล่าสุด น่าจะได้ลงเพียงแค่คนเดียว ส่วนอีกตำแหน่ง ถ้าเป็นชาริล ชัปปุยส์ ก็จะเป็นวัฒนา พลายนุ่ม ที่จะได้รับโอกาสในนัดนี้ ขณะที่แนวรุก จะเป็นชนาธิป สรงกระสินธ์ , อดิศักดิ์ ไกรษร  และธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งจะสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมด้วย
 
 
          ก่อนเกมเริ่ม ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากให้บรรยากาศของแฟนบอลไทย ไปกดดันนักเตะมากเกินไป โดยทุกคนรู้ว่าการเจอญี่ปุ่นไม่ใช่งานง่าย แต่วันนี้ทีมไทยไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว คืดถ้าจะแพ้ ก็ต้องไม่แพ้แบบหมดรูป อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักคือการเก็บแต้มให้ได้
 
 
          ซิโก้ กล่าวต่อไปว่า ฟุตบอลมีแพ้มีชนะ ในการเจอญี่ปุ่นที่ได้ไปฟุตบอลโลกมาแล้วหลายครั้ง จะเป็นประสบการณ์ที่ดีของเด็กๆทุกคน ซึ่งนักเตะทุกคนต้องปรับตัวให้ไว ทั้งเรื่องของแท็กติกส์ และสภาพอากาศ
 
 
          ขณะที่ประเด็นเรื่องของอากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้น ซิโก้ ยอมรับว่าเป็นปัญหาเหมือนกัน ตอนไปซาอุดิอาระเบีย ต้องเจออุณหภูมิ 43 องศาเซลเซียส แต่ มาญี่ปุ่น อาจจะเจอ 3 องศา แต่การมาเล่นฟุตบอลโลกก็ต้องผ่านรอบคัดเลือกที่โหดหินแบบนี้

  ความพร้อมทีมชาติญี่ปุ่น

 
          ทัพซามูไรจะไม่มีมาโกโตะ ฮาเซเบะ กัปตันทีมดีกรีนักเตะบุนเดสลีกาเยอรมัน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ยาสุยูกิ คอนโนะ กองกลาง และ ยูยะ โอซาโกะ กองหน้าของทีมที่บาดเจ็บในเกมล่าสุดกับซาอุฯ
 
 
          แต่ทว่าตัวอื่นๆ พร้อมลงเล่นครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ยูยะ คุโบะ กองหน้าจากเกนท์ ในเบลเยี่ยม ฮีโร่นัดล่าสุดที่ยิง 1 แอสซิสต์ 1 ใส่ยูเออี
 
 
          ชินจิ โอกาซากิ กองหน้าเลสเตอร์ ซิตี้ , ชินจิ  คากาวะ เพลย์เมกเกอร์ ดอร์ทมุนด์ รวมถึง เคย์สึเกะ ฮอนดะ ดาวเตะเอซี มิลาน พร้อมลงสนามทุกราย
 
 
          วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช เฮดโค้ชชาวฝรั่งเศสของญี่ปุ่นออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ชัยชนะเกมล่าสุดที่บุกไปเยือนยูเออี จะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่ชนะไทยในแมตช์นี้ และทุกคนในญี่ปุ่นอยากไปบอลโลก แต่ต้องมีสมาธิกับทุกเกม อย่าเพิ่งไปมองไกลเกินไป ให้มองไปทีละนัดต่อนัด

  ความน่าจะเป็นของเกม

 
          สำหรับญี่ปุ่นนั้น พวกเขาออกสตาร์ตรอบคัดเลือก ด้วยการแพ้ยูเออีคาบ้าน แต่จากนั้นมา อีก 5 แมตช์ มีผลงานที่ยอดเยี่ยม เอาชนะ 4 เสมอ 1 เก็บได้ 13 แต้ม เท่ากับซาอุดิอาระเบียในเวลานี้
 
 
          การพบกันของคู่นี้ สำนักพนันถูกกฎหมาย ให้ญี่ปุ่นเป็นต่อเกือบ 3 ลูก โดยมองว่า ไทยกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก และนักเตะไม่มีประสบการณ์ในเกมระดับสูง ตรงข้ามกับญี่ปุ่น ที่มีนักเตะชั้นนำของเอเชียเต็มทีม ดังนั้นโอกาสชนะขาดลอยจึงมีสูงมาก
 
 
          นอกจากนั้น ญี่ปุ่นอาจจะต้องไปลุ้นเข้ารอบ กับซาอุดิอาระเบีย , ออสเตรเลีย หรือยูเออี ด้วยการวัดกันที่ลูกได้เสีย ในกรณีที่แต้มเท่ากัน ดังนั้นเกมที่เจอไทยในบ้าน จำเป็นต้องยิงประตูให้ขาดที่สุด
 
 
          สำหรับไทย กับ ญี่ปุ่นนั้น เจอกันมาหลายครั้ง โดยส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นที่เอาชนะได้มาตลอด ขณะที่ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ไทยเคยเจอญี่ปุ่นมาทั้งหมด 5 นัด ปรากฎว่า เราแพ้รวดทั้ง 5 เกม และยิงประตูได้แค่ 1 ลูกเท่านั้น
 
 
          แน่นอน การเจอกับทีมแถวหน้าของเอเชียอย่างญี่ปุ่น เป็นงานที่ยากมากของทีมช้างศึก อย่างไรก็ตาม นักเตะทุกคนมีความมุ่งมั่น อยากจะเก็บแต้มให้ได้ ดังนั้นก็ต้องมาติดตามดูกันว่า สุดท้ายผลการแข่งขัน จะออกมารูปแบบไหน และไทยจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้หรือไม่ ที่ดินแดนอาทิตย์อุทัย