สิงห์บลูส์"พลาดโอกาสเก็บชัยชนะนัดที่สี่ติดต่อกัน หลังสะดุดพลิกล็อคพ่าย คริสตัล พาเลซ 1-2 คารัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้งที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน พลาดโอกาสเก็บสามคะแนนเพิ่มเติม ในศึก ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560

 

 

ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560

เชลซี 1-2 คริสตัล พาเลซ

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

 
          ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าบ้านของ อันโตนิโอ คอนเต้ มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในสภาพทีม เมื่อได้ตัว เอแด็น อาซาร์ หายเจ็บกลับลงทำเกม เช่นเดียวกับนายด่านมือหนึ่ง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทว่าไม่มี วิกเตอร์ โมเสส หายหน้า ทำให้ต้องปรับส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงเล่นแทน

 

          ด้านทีมเยือนของ แซม อัลลาร์ไดซ์ ยังไม่ได้ พาทริค ฟาน อานโฮลท์ ที่เจ็บข้อเท้ากลับคืนสนาม รวมถึงตัวเจ็บอีก 4-5 ราย และ โลอิก เรมี่ ที่ไม่อาจลงชนต้นสังกัดแม่ได้ แต่ตัวหลักรายอื่นก็ยังอยู่ครบ เกมรุกนำโดย วิลฟรีด ซาฮา และ คริสเตียน เบนเตเก้
 

          เปิดฉากมานาทีที่ 4 เชลซี ได้ฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษเยื้องขวาเมื่อ เชส ฟาเบรกาส โดนตัดฟาวล์ กระนั้น มาร์กอส อลอนโซ่ รับหน้าที่ยิงเข้ามือ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ง่ายๆ
 

          อย่างไรก็ตาม เพียงนาทีเดียวให้หลังเท่านั้น เชลซี ก็ขึ้นนำตามต้องการ เอแด็น อาซาร์ ครองบอลล็อกไปล็อกมาที่สุดเส้นหลังทางซ้าย ก่อนปาดมาเสาแรกและ เชส ฟาเบรกาส พุ่งเช้าชาร์จกระแทกเสาเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด 1-0 ของเจ้าถิ่น
 

          บอลอยู่ในการครอบครองของเชลซีแทบทั้งหมด ทว่าจากการบุกสวนหนเดียวของพาเลซก็กลายเป็นประตูตีเสมอทันที จังหวะเคาะบอลหน้าเขตโทษ วิลฟรีด ซาฮา เก็บบอลได้ก่อนพลิกตัวตวัดยิงเร็วฝ่ากลุ่มแนวรับเชลซี 3 คนและผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าซุกก้นตาข่าย ตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 10
 

          เท่านั้นไม่พอ พาเลซ ทำเอาแฟนเจ้าบ้านเงียบเสียงลงเสียเฉยๆ ในอีกเพียงหนึ่งนาทีให้หลัง จากการพาบอลตะลุยขึ้นทางซ้ายของ คริสเตียน เบนเตเก้ ไปเล่นชิ่งกับ ซาฮา ก่อนที่ เบนเตเก้ จะหลุดเดี่ยวไปล็อกหลบ กูร์กตัวส์ แล้วตักเข้าก้นตาข่ายอย่างเหนือชั้น พาเลซแซง 2-1
 

          นาทีที่ 16 เชลซี พยายามร้องเอาจุดโทษเมื่อบอลไปชนแขน แอนดรอส ทาวน์เซนด์ อย่างจัง แต่ผู้ตัดสินยังนิ่ง มองเป็นบอลทูแฮนด์
 

          ทีมตราสิงห์ต้องตั้งสติเดินเครื่องกันใหม่หลังจากนั้น และน่าได้ประตูตีเสมอบ้างในนาที 22 ฟาเบรกาส เปิดจากฝั่งขวาเขตโทษให้ ดีเอโก้ คอสต้า ล้มตัวชาร์จเต็มๆ ติดซูเปอร์เซฟ เวย์น เฮนเนสซี่ย์
 

          ด้าน พาเลซ ก็สวนขึ้นไปได้จบเป็นพักๆ นาที 27 กัปตัน เจสัน ปันเชียน ลองส่องเข้าข้อหน้าเขตโทษ แต่คุมทิศทางไม่ดี ลูกหลุดเสาออกไปไม่ใกล้เคียงนัก
 

          ถึงครึ่งชั่วโมง เชลซี มาได้ฟรีคิกระยะอันตรายอีกครั้ง คราวนี้หน้าเขตโทษตรงกลางพอดี  ดาวิด ลุยซ์ ขอยิงบ้างก็ไม่เข้าเป้า
 

          ข้ามมานาที 38 เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ต้องออกแรงเซฟประตูไว้อีกครั้ง จากการลุยขึ้นข้างขวาเขตโทษของ อาซาร์ ไปกดเต็มๆ  เฮนเนสซี่ย์ ผวาปัดออกหลังได้ ต่อเนื่องด้วยอีกนาทีถัดมา เนมานย่า มาติช ซัดจากหน้าเขตโทษก็ยังไม่ผ่านมือจอมหนึบทีมชาติเวลส์
 

          อึดใจท้ายครึ่งแรก ยังคงเป็น เฮนเนสซี่ย์ ที่เซฟช่วยพาเลซไว้ กับลูกเปิดฟรีคิกมาหน้าประตู มาติช ขึ้นโหม่งส่งลูกย้อยจะเสียบใต้คาน เฮนเนสซี่ย์ ยังสริงตัวปัดพ้นไป ทำให้ครึ่งแรกจบไปก่อนที่ พาเลซ นำหน้า 2-1
 

          ครึ่งหลังผ่านมานาที 53 เชลซีเกือบได้ประตู เชส ฟาเบรกาส แตะต่อให้ ดีเอโก้ คอสต้า จิ้มด้วยขวาก็ยังติดเซฟ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ อีก
 

          ต่อมานาที 61 คริสตัล พาเลซสวนขึ้นมาและเกือบได้ เจสัน พันเชียน จ่ายไปให้ วิลฟรีด ซาฮา หลุดไปซัดด้วยซ้ายติดเซฟ ติโบต์ กูร์กตัวส์ หวุดหวิด
 

          มาถึงนาที 72 ทีมเยือนเกือบได้อีก โยอัน กาบาย เปิดฟรีคิกไปเสาสองให้ เดเมี่ยน เดลานี่ย์ โหม่งย้อนมาให้ คริสติย็อง เบนเตเก้ ยิงข้ามคาน
 

          อีกสองนาทีต่อมา ''สิงห์บลูส์'' น่าจะตีเสมอได้ เอแด็น อาซาร์ เปิดไปให้ ดีเอโก้ คอสต้า ได้โหม่งโล่งๆ หลุดกรอบไม่น่าเชื่อ

          หลังจากนั้นทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม คริสตัล พาเลซ บุกมาชนะ เชลซี 2-1

          รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

          เชลซี : ติโบต์ กูร์กตัวส์, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์, เปโดร โรดริเกซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เนมานย่า มาติช, มาร์กอส อลอนโซ่, เชส ฟาเบรกาส, เอแด็น อาซาร์,
ดีเอโก้ คอสต้า

          สำรอง : อัสเมียร์ เบโกวิช, คูร์ท ซูม่า, จอห์น เทอร์รี่, นาธาเนี่ยล ชาโลบาห์, รูเบน ลอฟตัส ชีค, วิลเลี่ยน, มิชี่ บาตชูอายี่

          คริสตัล พาเลซ : เวย์น เฮนเนสซี่ย์, โจเอล วอร์ด, เจมส์ ทอมกิ้นส์, มามาดู ซาโก้, เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์,โยอัน กาบาย, ลูก้า มิลิโวเยวิช - แอนดรอส ทาวน์เซนด์, เจสัน พันเชียน, วิลฟรีด ซาฮา, คริสติย็อง เบนเตเก้

          สำรอง : ฮูเลียน สเปโรนี่, สกอตต์ แดนน์, เดเมียน เดลานี่ย์,  ซัลเลย์ ไคไค, มาร์ติน เคลลี่, โจ เลดลี่ย์, บาการี่ ซาโก้

          ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน