จอห์น เดอร์เด้น นักข่าวคนดังที่คร่ำหวอดในฟุตบอลอาเซียน เขียนบทความลงเว็บไซต์ฟ็อกซ์สปอร์ตส์ เอเชีย ถึง 5 เหตุผลที่ "เสือเหลือง" มาเลเซีย ควรรีบดึง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไปเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม โดยมีเนื้อหาดังนี้

        ซิโก้คือคนที่ใช่ของมาเลเซีย ?

        เรื่องใหญ่อันดับหนึ่งในเวทีฟุตบอลอาเซียนคือการลาออกจากตำแหน่ง ของเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในฐานะเฮดโค้ชของไทย จริงอยู่ เขาประสบความสำเร็จมากใน 4 ปี ที่คุมทีม แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เพียงพอในสายตาของผู้บริหาร

        ส่วนเรื่องใหญ่อันดับ 2 นั่นคือ มาริโอ โกเมซ คนที่มาเลเซีย ต้องการให้รับงานเป็นโค้ชทีมชาติ ดูเหมือนจะตอบปฏิเสธข้อเสนอ เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องของรายได้

        ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้ โค้ชเบอร์หนึ่งของอาเซียนว่างงาน ในสถานการณ์ที่มาเลเซีย กำลังมองหาเฮดโค้ชทีมชาติ ดูอะไรมันช่างเหมาะเจาะขนาดนั้น และนี่คือ 5 เหตุผลที่มาเลเซีย สมควรอย่างยิ่งที่ต้องไปทาบทามซิโก้ มาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่

        ข้อ 1 ซิโก้ทำให้ฟุตบอลไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

        ซิโก้ ไม่ใช่แค่พาไทย ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขาพาไทยขึ้นมาด้วยการเล่นที่มีสไตล์

        คนส่วนใหญ่อาจรู้จักติกี้ตาก้าแบบไทยๆ แต่เอาจริงๆแล้วโค้ชคนนี้ มีวิธีการเล่นหลากหลายเพื่อจะนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ดี โอเคว่าไทยมีนักเตะพรสวรรค์ในทีมชาติอยู่เสมอ แต่เกียรติศักดิ์ ได้ยกระดับทุกอย่างขึ้นมาอีกขั้น เขาวางหมากเพื่อให้ทีมชาติเล่นในแบบที่ควรจะเป็น และผู้เล่นทุกคนก็รู้และเข้าใจในไอเดียเป็นอย่างดี

        นอกจากนั้น เขายังมีการปรับและประยุกต์ตามสถานการณ์ ยิ่งในช่วงหลังเราจะเห็นว่า ระบบการเล่น และแท็กติกต่างๆมีการเปลี่ยนไป ในความคิดของซิโก้เชื่อว่าเมื่อนักเตะพร้อมที่จะเล่นในระบบที่หลากหลาย สามารถพลิกแพลงแผนต่างๆได้ตลอด ไทยก็จะกลายเป็นทีมที่น่ากลัวมาก

        ข้อ 2 เขามีประสบการณ์ในเวทีอาเซียนไม่เป็นรองใคร

        ความสำเร็จในระดับอาเซียน ของซิโก้ คงมีน้อยคนมากที่จะเทียบเคียงได้ ซิโก้ คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2 สมัยให้ไทยอย่างเหนือชั้น ในปี 2014 และ 2016 ไทยไม่ใช่แค่ได้แชมป์ แต่พวกคู่ควรกับมันอย่างยิ่ง

        มาเลเซีย ต้องการความรู้ และประสบการณ์ระดับนี้ หลายปีหลังพวกเขามีอันดับโลกร่วงลงไป และพร้อมจะแพ้ทีมระดับเมียนมาร์ได้ง่ายๆ ซึ่งซิโก้เป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดในอาเซียนมาแล้ว ดังนั้นเขารู้ว่าจะทำอย่างไร ถึงจะพามาเลเซียขึ้นไปอยู่ตรงนั้นได้

        ข้อ 3 เขารู้ว่าวิธีทำให้ทีมก้าวกระโดดไปอีกขั้นต้องทำแบบไหน

        ผู้บริหารของมาเลเซีย ตั้งเป้าถึงฟุตบอลโลกในปี 2026 ซึ่งแน่นอน โอกาสก็มี เพราะในเอเชียจะได้โควต้าเพิ่มเป็น 8 ที่ อย่างไรก็ตาม ถ้ามาเลเซียจะหวังถึงตรงนั้นจริงๆ พวกเขาต้องการการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

        ซิโก้ รู้ดีกว่าโค้ชคนไหน เรื่องการเปลี่ยนผ่านจากระดับอาเซียน ก้าวไปสู่ระดับเอเชีย เขาพาทีมช้างศึกไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มรอบสุดท้ายของเอเชียเป็นครั้งแรกนับ ตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่ไทยจะแพ้แบบนั้น เพราะนี่คือช่องว่างที่ใหญ่มากระหว่างเวทีอาเซียน กับเวทีเอเชีย

        การที่ซิโก้โดนนายกสมาคมฟุตบอล สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ตำหนิหลังแพ้ญี่ปุ่น และซาอุดิอาระเบีย ออกจะใจร้ายไปหน่อย เพราะพวกเขาน่าจะเข้าใจว่า การเข้าสู่รอบนี้ ไม่ได้แปลว่าไทยจะสามารถชนะคู่แข่งได้ทันที

        ข้อ 4 ซิโก้ กับสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย น่าจะเข้าขากันดีมาก

        ด้วยความสัมพันธ์ที่แตกหัก ระหว่างซิโก้ กับนายกสมาคม ดังนั้น ไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้ซิโก้แฮปปี้ เกินกว่าการที่เขาแสดงให้คุณสมยศเห็นว่า เขาได้สูญเสียอะไรไป การที่ซิโก้ไปช่วยเปลี่ยนมาเลเซีย เป็นคู่ปรับตัวฉกาจของไทย น่าจะเป็นการล้างแค้นที่หวานหอมทีเดียว

        ประธานสหพันธ์ฟุตบอลมาเลเซีย ทังกู ซุลต่าน อิบราฮิม หรือที่เรียกกันย่อๆว่า TMJ เป็นคนมีความทะเยอทะยาน แต่ก็มีความอดทนสูงมาก ดังนั้นเชื่อว่าจะให้เวลาซิโก้ทำงานอย่างเต็มที่ ค่อยๆปั้นกันตั้งแต่ระดับเยาวชน สานต่อไปถึงชุดใหญ่ ซึ่งการได้ทำทีมอย่างอิสระ น่าจะเป็นสิ่งที่ซิโก้ต้องการมากที่สุด

        ข้อ 5 ซิโก้คือโค้ชที่เป็นผู้เล่นมาก่อน

        ซิโก้ ในฐานะนักเตะคือหนึ่งในสุดยอดของเวทีอาเซียน เขาลงเล่นมาแล้วกับหลายๆประเทศทั่วภูมิภาค แม้กระทั่งเคยไปเสี่ยงโชคที่อังกฤษในช่วงสั้นๆมาแล้ว จากนั้นพอมาเป็นโค้ช สิ่งที่เราเห็นคือซิโก้ได้พยายามผลักดันนักเตะของตัวเองให้กล้าออกมาท้าทาย ในสิ่งใหม่ๆ

        นักเตะระดับเขา ทำให้ดึงศักยภาพของนักเตะออกมาได้เต็มที่ ในสนามซ้อมนักเตะเมื่อมีโค้ชเป็นถึงผู้เล่นระดับตำนาน ย่อมต้องมีการตอบสนองที่ดี และมีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่มาเลเซียต้องการมากจริงๆในเวลานี้