ปรีวิวฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก

วันพุธที่ 12 เมษายน 2560

แอตเลติโก มาดริด (สเปน) - เลสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 2 (เวลา 01.45 น.)

สนาม : บิเซนเต้ กัลเดร่อน (มาดริด, สเปน)

          แอตเลติโก มาดริด ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เพิ่งบุกเสมอเรอัล มาดริด 1-1 ในเกม ลา ลีกา ทำให้รั้งอันดับ 3 ของตารางเหมือนเดิม ตามหลัง ''ราชันชุดขาว'' ทีมจ่าฝูง 10 คะแนน แถมแข่งมากกว่า 1 นัด

          สำหรับรายการนี้ ''ตราหมี'' ทำได้เพียงเสมอในบ้านกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 0-0 เกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่เข้ารอบมาได้หลังตุนชัยชนะ 4-2 ในนัดแรกที่ไปเยือนไบ อารีน่า

          ข่าวดีคือ กาบี และ ฟิลิเป้ ลุยส์ พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมรายการนี้ได้อีกครั้ง แต่ นิโกลัส ไกตาน กับ เควิน กาไมโร่ ยังมีอาการบาดเจ็บ ไม่น่าพร้อมเป็นตัวเลือก เช่นเดียวกับ เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ, ติอาโก้ เมนเดส, ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ และ มิเกล อังเคล โมย่า ที่เดี้ยงอยู่ก่อนแล้ว

          ผู้รักษาประตูเป็น ยาน โอบลัค แนวรับ สเตฟาน ซาวิช จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ดีเอโก้ โกดิน ขนาบข้างด้วย ฆวนฟราน และ ฟิลิเป้ ลุยส์

          กาบียืนมิดฟิลด์คู่กลางกับ ซาอูล ญีเกซ ริมเส้นใช้บริการของ ยานนิค แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ และ โกเก้ กองหน้า อองตวน กรีซมันน์ จับคู่ล่าตาข่ายกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส

          ด้าน เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เคร็ก เช็คสเปียร์ โดนหยุดความร้อนแรง หลังบุกพ่ายเอฟเวอร์ตัน 2-4 ในพรีเมียร์ลีก เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 7 เกมที่ผ่านมานับตั้งแต่เช็คสเปียร์ ข้ามาคุมทีมต่อจาก เคลาดิโอ รานิเอรี่ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์

          ในทัวร์นาเมนต์นี้ ''จิ้งจอก'' พลิกสถานการณ์ผ่านเซบีย่ามาได้ด้วยประตูรวม 2 นัด 3-2 หลังออกไปแพ้ 1-2 ก่อนกลับมาคว้าชัยในบ้าน 2-0

          สภาพทีม เวส มอร์แกน ยังมีอาการบาดเจ็บแผ่นหลัง ยังไม่อาจกลับมาคุมแนวรับได้ รวมถึงตัวที่เดี้ยงอยู่แล้วอย่าง น็อมปาลิส เมนดี้ และ โมลล่า วาเก้ ด้วย โดยเฉพาะรายหลังที่หมดสิทธิ์ลงเล่นในช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้แล้ว

          รายของ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ เตรียมสลัดเดี้ยงคืนทีมอีกครั้ง หลังเจ็บขาหนีบจนไม่ได้เล่นในเกมล่าสุด หรือหากไม่พร้อมจะเป็น แอนดี้ คิง ที่ได้ลงแทน ส่วนตัวหลักที่ได้พักอย่าง แดนนี่ ซิมพ์สัน, คริสเตียน ฟุคส์ และ ริยาด มาห์เรซ จะคืนตัวจริงไม่มีปัญหา

          การจัดทัพ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล รับหน้าที่เฝ้าเสา โยอัน เบอนาลูยาน ยืนปราการหลังตัวกลางกับ โรเบิร์ต ฮูธ แบ็กสองข้างเป็น แดนนี่ ซิมพ์สัน และ คริสเตียน ฟุคส์

          แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ประสานงานแดนกลางกับ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ เปิดทางให้ ริยาด มาห์เรซ กับ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ทำเกมริมเส้น คู่หน้าฝากความหวังไว้ที่ ชินจิ โอกาซากิ และ เจมี่ วาร์ดี้

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

          แอต.มาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค - ฆวนฟราน, สเตฟาน ซาวิช, ดีเอโก้ โกดิน, ฟิลิเป้ ลุยส์ - ยานนิค แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้, กาบี, ซาอูล ญีเกซ, โกเก้ - อองตวน กรีซมันน์, เฟร์นานโด ตอร์เรส

          เลสเตอร์ (4-4-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - แดนนี่ ซิมพ์สัน, โยอัน เบอนาลูยาน, โรเบิร์ต ฮูธ, คริสเตียน ฟุคส์ - ริยาด มาห์เรซ, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, มาร์ค อัลไบรท์ตัน - ชินจิ โอกาซากิ, เจมี่ วาร์ดี้

ผู้ตัดสิน : โยนาส อีริคส์สัน (สวีเดน)

ข้อมูลน่าสนใจก่อนเกม

          - ทั้งสองทีม เจอกันเป็นครั้งที่ 3 ในถ้วยยุโรป ต่อจากคัพ วินเนอร์ส คัพ รอบแรก 1961-62 และยูฟ่า คัพ 1997-98 โดยทีมจากสเปนผ่านเข้ารอบทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว

          - ในความจริงแล้ว 25% ในเกมยุโรปของเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นการเจอแอต.มาดริด (4 จาก 16 นัด)

          - แอต.มาดริดผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ชปล. เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน หลังผ่านเข้ารอบนี้ได้เพียงครั้งเดียวก่อนหน้านั้น (1996-97)

          - ทีมตราหมีชนะ 6 จาก 8 เกมชปล.ฤดูกาลนี้ (เสมอ 1 แพ้ 1) ไม่มีทีมไหนที่เก็บชัยชนะได้มากกว่า

          - แอต.มาดริดชนะ 16 จาก 21 เกมชปล.ในบ้านยุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (เสมอ 4 แพ้ 1) โดยความพ่ายแพ้นัดเดียว เป็นการเจอเบนฟิก้า เมื่อกันยายน 2015 (1-2) โดยพวกเขาไม่เคยแพ้ในรอบน็อกเอาต์ (ชนะ 5 เสมอ 4)

          -  แอต.มาดริดทำคลีนชีต 15 จาก 17 เกมชปล.หลังสุดที่บิเซนเต้ กัลเดร่อน

          - เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรกนับจากมาลาก้าในฤดูกาล 2012-13 ที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฤดูกาลแรกที่เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นสโมสรจากอังกฤษทีมที่ 8 ที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย มากกว่าชาติอื่นๆ

          - เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะแค่ครั้งเดียวจาก 4 เกมชปล.นอกบ้านหลังสุด ฤดูกาลนี้ (เสมอ 1 แพ้ 2) จากเกมพบ คลับ บรูช ในนัดแรก (3-0)

          - เลสเตอร์เป็นทีมที่ทำประตูได้น้อยที่สุดในบรรดาสโมสรที่เหลืออยู่ในชปล. ฤดูกาลนี้ (10 ประตูจาก 8 เกม) โดย 50% ของประตูทั้งหมดมาจากเซตพีช

          - ค่าเฉลี่ยครองบอลของเลสเตอร์อยู่ที่ 38% น้อยที่สุดในบรรดาสโมสรที่เหลืออยู่ในรอบนี้

          - อองตวน กรีซมันน์ มีส่วนร่วม 50% จากประตูของแอต.มาดริดในชปล. นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว (ยิง 11, จ่าย 3)

          - ริยาด มาห์เรซ มีส่วนร่วม 6 จาก 10 ประตูในชปล. ฤดูกาลนี้ของเลสเตอร์ (ยิง 4, จ่าย 2)

          - แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารเลสเตอร์เซฟ 19 จาก 21 ครั้งที่คู่แข่งยิงเข้ากรอบในชปล. ฤดูกาลนี้ รวมถึง 2 จุดโทษ (กับเซบีย่าในรอบที่แล้ว)