ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก

วันพุธที่ 12 เมษายน 2560

บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 1-2 เรอัล มาดริด (สเปน)

สนาม: ฟุตบอล อารีน่า มึนเช่น, (มิวนิค, เยอรมัน)

             "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทัพของ คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์คนดังชาวอิตาเลี่ยน พาทีมทำผลงานในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 5-1 ทั้งเหย้า-เยือน รวมผลสองนัด เสือใต้ ผ่านเข้ารอบมาด้วยสกอร์รวมขาดลอย 10-2 

             เกมนี้ บาเยิร์น มิวนิค ต้องขาด มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวกลั่นวัย 28 ปี ที่เจ็บข้อเท้าในระหว่างการฝึกซ้อม รวมไปถึง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติโปแลนด์ ที่เจ็บไหล่

             ตำแหน่งผู้รักษาประตูได้ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมันหายเจ็บเท้า กลับมาเฝ้าเสา รวมทั้งได้ ฟิลิปป์ ลาห์ม พ้นแบนกลับมาประจำการแบ็กขวา

             ในแดนกลางให้ ชาบี อลอนโซ่ เชื่อมเกมกับ อาร์ตูโร่ วิดาล แผงรุก อาร์เยน ร็อบเบน, ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ ฟร้องค์ ริเบรี่ โดยหน้าเป้าใช้ โธมัส มุลเลอร์ ลงตัวจริง 

             ทางด้าน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ของ ซีเนดีน ซีดาน เสมอ แอตเลติโก มาดริด 1-1 ในศึก "มาดริด ดาร์บี้" หยุดสถิติชนะรวดในลีกที่ 5 นัด แต่ยังรั้งจ่าฝูงทิ้งห่าง บาร์เซโลน่า เป็น 3 แต้มแถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด พร้อมทำสถิติโลกในการพังประตูต่อเนื่องเป็นนัดที่ 52 ติดต่อกันแล้ว (จากทุกรายการ) 

             สำหรับผลงานในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ทาง เรอัล มาดริด ฝ่าด่าน นาโปลี ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-2 โดยชนะด้วยสกอร์ 3-1 ทั้งเหย้าและเยือน 

             แมตซ์นี้ ราชันชุดขาว ต้องขาด เปเป้ ปราการหลังจอมเก๋าที่เจ็บหนักซี่โครงร้าวสองซี่ รวมไปถึงไม่มี ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฝรั่งเศส ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง และ ฟาบิโอ โคเอนเตรา แบ็คชาวโปรตุกีส ที่ไม่สมบูรณ์ 

             3 ประสานแดนหน้าจัดจ้านอันตรายทั้ง แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงกระซวกตาข่าย 

             ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาแค่สองนาที บาเยิร์น ทักทายก่อนจากจังหวะที่ ร็อบเยน โยนให้กับ อาร์ตูโร่ วิดาล โขกติดเซฟของ เคย์ลอร์ นาวาส นายทวารเรอัล มาดริด 

             ผ่านมา 18 นาที เรอัล มาดริด ได้โอกาสบ้าง โทนี่ โครส โยนจากกราบขวาเข้าไปในกรอบเจคโทษให้กับ คาริม เบนเซม่า โขกกดลงพื้น มานูเอล นอยเออร์ นายทวารบาเยิร์น ลอยตัวปัดไปชนใต้คานเด้งลงมาให้ตะครุบไว้อีกครั้ง 

             เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 25 กลายเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ติอาโก้ อัลกานตาร่า เปิดมุมจากทางด้านขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ อาร์ตูโร่ วิดาล ขึ้นขวิดเสียบใต้คานเข้าไปอย่างเด็ดขาด 

             สิบนาทีต่อมา คาเซมีโร่ กองกลางชาวบราซิลของเรอัล มาดริด มีอาการบาดเจ็บต้องปฐมพยาบาลกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่นต่อได้ 

             จากนั้นนาทีที่ 40 เสือใต้ น่าจะได้เพิ่ม เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน ลากไปจนสุดเส้นหลังด้านขวาก่อนโยนข้ามไปเสาไกลให้ อาร์ตูโร่ วิดาล โขกเฉี่ยวเสาไปนิดเดียวเท่านั้น 

             ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+2 บาเยิร์น มิวนิค มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ฟร้องก์ ริเบรี่ ล็อคแล้วปั่นด้วยขวาจากหน้ากรอบเขตโทษ บอลไปโดนหน้าอกของดาเนียล การ์บาฆาล แบ็คขวาของเรอัล มาดริด ที่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษ เด้งออกมา แต่ผู้ตัดสิน นิโกล่า ริซโซลี่ จากอิตาลี ดันเป่าให้จุดโทษ เพราะมองว่าบอลไปโดนแขนของการ์บาฆาล จากลูกจุดโทษ อาร์ตูโร่ วิดาล รับหน้าที่สังหาร ตะบันด้วยขวาเต็มเท้าบอลข้ามคานไป หมดครึ่งแรก บาเยิร์น เลยนำอยู่แค่ 1-0 

              กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลังได้ 2 นาที ราชันชุดขาว ตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะที่ ดาเนียล การ์บาฆาล โยนจากกราบขวาเข้ากลาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งมาตวัดแปด้วยขวาจากกลางกรอบเขตโทษเข้าประตูไปอย่างสวยงาม และเป็นประตูที่ 99 ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในการเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป 

              กระเถิบมานาทีที่ 56 เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูแซงนำ จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช โยนให้กับ แกเร็ธ เบล เทคตัวโหม่งจ่อๆแค่ 5 หลา แต่ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารของเสือใต้ โชว์ซูเปอร์เซฟ ดีดตัวปัดข้ามคานไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากลูกเตะมุม โครส โยนให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โหม่งเฉี่ยวเสาออกไป 

              จากนั้นนาทีที่ 61 บาเยิร์น มิวนิค ต้องเหลือแค่ 10 คน เมื่อ ฆาบี มาร์ตีเนซ ปราการหลังชาวสเปน ไปหวดสกัดใส่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กระชากหลบไปได้แล้วทางกราบซ้าย ผู้ตัดสินไม่รอช้าแจกใบเหลืองที่สองให้ กลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกไป 

              สามนาทีต่อมา เสือใต้ ต้องเปลี่ยนเอา ฆวน เบร์นาต ลงมาเล่นในแนวรับแล้วถอด ชาบี อลอนโซ่ ออกมา 

              ล่วงเลยมานาทีที่ 72 เรอัล มาดริด ที่มีผู้เล่นมากกว่าบดต่อเนื่อง มาร์โก อาเซนซีโอ ที่ลงมาเป็นสำรองโยนจากกราบขวาให้กับ คาริม เบนเซม่า โหนโหม่งบอลข้ามคานไป 

              นาทีต่อมา โมดริช จ่ายให้กับ มาร์โก อาเซนซีโอ วางเท้ากดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ บอลเข้ามือของ นอยเออร์ 

              หลังจากบดอยู่นาน ราชันชุดขาว มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จนได้จากจังหวะที่ มาร์โก อาเซนซีโอ เปิดจากด้านซ้ายเข้ากรอบเขตโทษให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พุ่งมาดีดด้วยขวาบอลลอดขาของ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารของเสือใต้ เข้าประตูไปในนาทีที่ 77 และเป็นประตูที่ 100 ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในการเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป 

              สองนาทีต่อมา เรอัล มาอีกครั้ง คาเซมีโร่ เปิดบอลให้กับ ลูก้า โมดริช กดด้วยขวาจากนอกเขตโทษติดเซฟของ มานูเอล นอยเออร์

              ท้ายเกมนาทีที่ 82 เรอัล มาดริด ได้ลุ้น เมื่อ คาริม เบนเซม่า ยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวาเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินสินไม่ให้ โดยเป่าเป็นล้ำหน้า เบนเซม่า ไปก่อนแล้ว 

              เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม เรอัล มาดริด บุกมาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ที่เหลือ 10 คนไปได้ 2-1 เก็บความได้เปรียบ ก่อนเจอกันนัดสองที่เบร์นาเบว ถิ่นของราชันชุดขาว ในวันอังคารที่ 18 เมษายน นี้ 

              รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
              บาเยิร์น มิวนิค: มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), ฆาบี มาร์ตีเนซ, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา - ชาบี อลอนโซ่ (ฆวน เบร์นาต น.64), อาร์ตูโร่ วิดาล - อาร์เยน ร็อบเบน, ติอาโก้ อัลกานตาร่า, ฟร้องก์ ริเบรี่ (ดั๊กลาส คอสต้า น.67) - โธมัส มุลเลอร์ (คิงสลี่ย์ โกม็อง น.81) 
              เรอัล มาดริด: เคย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), นาโช่ เฟร์นานเดซ, มาร์เชโล่ วิเอยร่า - โทนี่ โครส, คาเซมีโร่, ลูก้า โมดริช - แกเร็ธ เบล (มาร์โก อาเซนซีโอ น.59), คาริม เบนเซม่า (ฮาเมส โรดรีเกซ น.83), คริสเตียโน่ โรนัลโด้
              ผู้ตัดสิน: นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)