จอห์น เดอร์เด้น นักวิเคราะห์ฟุตบอลชาวอังกฤษ ผู้ชำนาญในเวทีเอเชีย ออกมาเขียนบทความว่า ทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คือความภูมิใจของอาเซียน และจากชัยชนะเหนืออุลซาน ฮุนได น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่ทำให้เอเอฟซี ต้องให้เกียรติกับภูมิภาคาอาเซียนมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยในบทความ มีเนื้อหาทั้งหมด แปลเป็นภาษาไทยดังนี้

 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดอย่างหนึ่ง ในเกมที่เมืองทองฯ เอาชนะ อุลซาน ฮุนได ในเกมวันพุธที่ผ่านมา นั่นคือบรรยากาศของสนามที่เกือบเต็มความจุ สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม อาจมีโครงสร้างเรียบง่าย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บรรยากาศมันยอดเยี่ยมจริงๆ ด้วยการที่แฟนนั่งใกล้แทบจะติดสนาม และมีสแตนด์สี่ด้านแยกกัน ให้ความรู้สึกแบบกองเชียร์ฟุตบอลอังกฤษ  ซึ่งเมื่อเจอแบบนี้ แชมป์ถ้วยเอเชียในปี 2012 อย่างอุลซานก็มีหวั่นเหมือนกัน 

ขณะที่ผลการแข่งขัน เจ้าบ้านเฉือนชนะแค่ 1 ลูก แต่ควรจะจบสกอร์มากกว่านั้น แบ็กซ้ายขวาของเมืองทอง ทริสตอง โด กับธีราทร บุญมาทัน เติมเกมได้ดีมาก และโจมตีริมเส้นของอุลซานจนป่วนไปหมด ขณะที่ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังคงอัจฉริยะเช่นเคย ส่วนธีรศิลป์ แดงดา ก็เหมือนเป็นหนามที่คอยทิ่มแทงเกมรับของอุลซานเป็นระยะ

ส่วนอดีตนักเตะเก่าของอุลซาน อย่าง อี โฮ ก็ช่วยงานเซ็นเตอร์แบ็กได้เป็นอย่างดี จนแทบไม่ต้องเหลืองานหนักให้กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์เลย ด้วยสองเกมที่เหลืออยู่ในรอบแบ่งกลุ่ม เมืองทอง ขอแค่ชนะสักนัดเพื่อการันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีม และจะตามรอยบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เคยทำได้มาก่อนแล้วในปี 2013

ซึ่งผมคิดว่า การเข้ารอบมันน่าจะเกิดขึ้น เพราะผลงานใน 4 เกมที่ผ่านมาของเมืองทองมันคลาสสิคมากๆ ชนะในบ้าน ทั้ง 2 เกม และ เสมอเกมเยือนทั้ง 2 เกม ตอนนี้ เชื่อว่ามีไม่กี่ทีมที่อยากจะเยือนเมืองทองฯ เพราะนี่คือทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะทีมชาติไทย แถมพวกเขาเล่นด้วยความไม่เกรงกลัวใครเลย

แน่นอน ในรอบน็อกเอาต์ คู่แข่งอาจจะเขี้ยวขึ้น แต่เชื่อเถอะ เอาจริงๆ ก็คงไม่ได้ทิ้งห่างกับอุลซาน ฮุนได และบริสเบน โรร์ มากขนาดนั้น

มันจะเป็นเรื่องเยี่ยมมากสำหรับวงการฟุตบอลไทย และอาเซียน ถ้า "กิเลน" สามารถผ่านรอบแรกไปได้ และอาจจะเป็นสัญญาณที่ทำให้ เอเอฟซีได้เห็นอะไรบางอย่างด้วย 

ย้อนกลับไปในเกมที่อุลซาน เปิดบ้านรับเมืองทอง เกมนั้นเสมอกัน 0-0 ส่วนจำนวนผู้ชม มี 1,300 คน บรรยากาศที่เกาหลีใต้ มันไม่สนุกนัก สนามแข่งขันก็ไกลจากตัวเมือง ยิ่งส่งผลให้คนมาดูน้อยเข้าไปใหญ่

แต่มันยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น ถ้าเราไปดูเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ของคู่ ระหว่าง อัลจาซีร่า ของยูเออี กับ อัล ฟาเตห์ ของซาอุดิอาระเบีย เกมนั้นมีผู้ชมเข้ามาดูในสนาม 322 คน 

สนามดี ทีมดี แต่แฟนล่ะ? ไปไหน 

ตัวเลขที่น่าอับอายนี้ ส่งผลโดยตรงต่อรายการแชมเปี้ยนส์ลีก มันสูญเสียความน่าเชื่อถืออย่างช่วยไม่ได้ โอเค คุณไปโจมตี เอเอฟซีไม่ได้หรอก ที่แฟนเข้าชมน้อยขนาดนั้น ธรรมชาติของแฟนบอลแต่ละประเทศก็ต่างกัน แต่ ประเด็นก็คือ ทำไมเอเอฟซีไม่จัดการแต่แรก ในการแบ่งโควต้าให้ดียิ่งกว่าเดิม 

นึกไม่ออกว่ามันยุติธรรมตรงไหน ที่ทีมอย่างยูเออี และเกาหลีใต้ ได้โควต้าประเทศละ 4 ทีม ขณะที่อาเซียนทั้ง ภูมิภาคได้โควต้ารวมกันแค่ 1 ทีม 

เรารู้ว่า ภูมิภาคอาเซียน พวกเขามีแฟนบอลที่คลั่งไคล้ฟุตบอล และยินดีที่จะเข้าร่วมแข่งในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก แต่เอเอฟซี กลับให้โควต้า กับประเทศที่สโมสรก็ไม่ค่อยสนใจในรายการนี้สักเท่าไหร่ แถมมากกว่ากันถึง 4 เท่าตัว ขอย้ำ หนึ่งประเทศ มีโควต้า 4 เท่าของภูมิภาคอาเซียนทั้ง 11 ประเทศ 

มันไม่ยุติธรรมเลย และยิ่งจะเพิ่มความเหลื่อมล้ำในทวีปมากขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดดูว่า ถ้าเอเอฟซีให้โควต้าอาเซียนแค่นั้น แล้วพวกเขาจะมีสิทธิได้เจอทีมใหญ่ๆ และพัฒนาตัวเองได้เมื่อไหร่ ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ก็จะมีแค่ไม่กี่ประเทศแข่งกันเองอยู่แค่นี้ 

พวกเขาควรตระหนักว่า ถ้วยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นพื้นที่ที่ควรให้โอกาสกับทุกชาติ และควรแบ่งสรร ในเรื่องโควต้าให้มีความยุติธรรมมากกว่านี้

อย่างที่เราเห็น เมืองทอง สามารถสู้กับ ทีมจากเอเชียตะวันออกได้อย่างยอดเยี่ยมในสนามแข่ง ขณะที่นอกสนาม พวกเขาก็ยังทำได้ดีกว่า มีแฟนบอลเข้ามามากกว่า เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างพร้อม แต่ทำไมล่ะ อาเซียนถึงถูกมองข้ามแบบนั้น 

เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก การที่สนามโล่งว่างเปล่าแบบนั้น เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข และการให้โควต้าอาเซียนมากขึ้น เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เลวเลย เพราะคนจากภูมิภาคนี้ มีทั้งกองเชียร์ที่หนาแน่น และความกระหายที่อยากจะสู้กับทีมระดับสูง 

ดังนั้น มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่า ที่ถ้วยใหญ่ที่สุดของเอเชีย ควรให้โอกาสกับอาเซียน ภูมิภาคที่คลั่งไคล้ฟุตบอลมากที่สุดในทวีปนี้ มากกว่านี้