"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ที่กุมความได้เปรียบมาจากนัดแรกเตรียมส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงนำย้ำชัย เกมรับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่ต้องเก็บชัยให้ได้สถานเดียว ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันอังคารที่ 18 เม.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด: บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา: 01.45 น.)

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง)
วันอังคารที่ 18 เมษายน 2560
เรอัล มาดริด (สเปน)  -  บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)
(ผลนัดแรก เรอัล มาดริด ชนะมา 2-1)
ถ่ายทอดสด: บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา: 01.45 น.)

สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, (มาดริด, สเปน)

        ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์คนเก่งชาวฝรั่งเศสของ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด พาทีมยกพลบุกไปเชือด บาเยิร์น มิวนิค มาได้ก่อน 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา โดยขอเพียงเสมอหรือปราชัยด้วยสกอร์ 0-1 ก็จะเข้ารอบรองชนะเลิศ ซึ่งพวกเขาครองสถิติไร้พ่ายยามเฝ้ารังในรายการนี้ 12 นัดติด (ชนะ 10 เสมอ 2 นัด)

        ส่วนในลีกล่าสุดบุกเฉือน สปอร์ติ้ง คิฆอน สุดมัน 3-2 เก็บ 3 แต้มตามเป้า ทำให้ยังรักษาช่องว่างจาก บาร์เซโลน่า รองจ่าฝูง 3 คะแนนเท่าเดิม แถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด ด้วย พร้อมกับทำสถิติโลกในการพังประตูต่อเนื่องเป็นนัดที่ 54 ติดต่อกันแล้ว (จากทุกรายการ)

        สภาพทีมล่าสุด เรอัล มาดริด ต้องขาด แกเร็ธ เบล สตาร์ทีมชาติเวลส์ ที่มีอาการบาดเจ็บน่อง รวมไปถึง ราฟาแอล วาราน กองหลังทีมชาติฝรั่งเศสที่เจ็บโคนขาหนีบ กับ เปเป้ ปราการหลังจอมเก๋าที่เจ็บซี่โครงร้าวสองซี่ ต้องพักยาวราวสองเดือน

        อย่างไรก็ตามได้ ดาเนียล การ์บาฆาล แบ็คขวาทีมชาติสเปน พ้นโทษแบนในลา ลีกา พร้อมคืนตัวจริงในรายการนี้ รวมถึงตัวหลักที่ได้พักเมื่อสุดสัปดาห์อย่าง เคย์ลอร์ นาวาส, มาร์เชโล่ วิเอยร่า, ลูก้า โมดริช, คาเซมีโร่, โทนี่ โครส, คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำประตูในการเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป ครบ 100 ประตู (97 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 

        ตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ เคย์ลอร์ นาวาส กลับมาเฝ้าประตู แบ็กโฟร์เป็น ดาเนียล การ์บาฆาล, นาโช่ เฟร์นานเดซ, เซร์คิโอ รามอส และ มาร์เชโล่ วิเอยร่า

        ขุมกำลังในแดนกลางวางใจให้ ลูก้า โมดริช, คาเซมีโร่ และ โทนี่ โครส ลงมาทำเกม ส่วนสามประสานแดนหน้าต้องเลือกว่าจะใช้งาน ลูกัส บาซเกซ หรือ อีสโก้ ลงมาผนึกกำลังกับ คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

        สลับมาดูทาง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ทำได้เพียงออกไปเสมอ เลเวอร์คูเซ่น ที่เหลือ 10 คนในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย 0-0 ในศึกบุนเดสลีกา นัดล่าสุด เลยถูก แอร์เบ ไลป์ซิก รองจ่าฝูงไล่ตามหลังเหลือ 8 แต้ม และ บาเยิร์น ยังชนะแค่นัดเดียวเท่านั้นเองจากการลงสนาม 4 เกมหลังสุด (รวมทุกรายการ) 

         ส่วนในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เปิดรังพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด มาก่อน 1-2 ซึ่งหากต้องการเข้ารอบรองชนะเลิศ "เสือใต้" ต้องบุกชนะ 2-0 เป็นอย่างน้อย แต่สถิติของพวกเขาในการบุกเยือนซานติอาโก้ เบร์นาเบว ถือว่าน่าผิดหวัง หลังชนะแค่ 2 จาก 12 นัด (เสมอ 1 แพ้ 9 นัด)

        ความพร้อมเกมนี้ไม่มี ฆาบี มาร์ตีเนซ กองหลังชาวสเปนที่ติดโทษแบน 1 นัด จากการโดนใบเหลือง-แดง ไล่ออก ในนัดแรก ขณะที่ เยโรม บัวเต็ง ยังมีอาการเจ็บขาหนีบ เช่นเดียวกับ มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ ที่เจ็บข้อเท้าจนต้องแยกซ้อมนั้น ต้องรอเช็คฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย

        อย่างไรก็ตามจะได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเก่งหายเจ็บไหล่ขวา กลับมาล่าประตูอีกครั้ง หลังจากสามารถลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว ส่วน อาร์เยน ร็อบเบน, ชาบี อลอนโซ่ และ ฟิลิปป์ ลาห์ม จะกลับมาลงสนามเป็น 11 คนแรก

        การจัดทัพเกมนี้ให้ มานูเอล นอยเออร์ จอมหนึบทีมชาติเยอรมัน ลงมาเฝ้าเสา แนวรับรอลุ้น มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ กลับมาช่วยทีม แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะโยกเอา ดาวิด อลาบา เข้ามายืนปราการหลังตัวกลางแทน โดยฟูลแบ็กเป็น ฟิลิปป์ ลาห์ม กับ ฆวน เบร์นาต ลงประจำการ

        ในแดนกลางวาง ชาบี อลอนโซ่ ผนึกกำลังกับ อาร์ตูโร่ วิดาล เปิดทางให้ อาร์เยน ร็อบเบน, ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ ฟร้องค์ ริเบรี่ ช่วยกันทำเกมสนับสนุน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกวัย 28 ปี ทีมชาติโปแลนด์ เข้าทำประตู

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        เรอัล มาดริด: เคย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, นาโช่ เฟร์นานเดซ, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เชโล่ วิเอยร่า - ลูก้า โมดริช, คาเซมีโร่, โทนี่ โครส - ลูกัส บาซเกซ (อีสโก้), คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

        บาเยิร์น มิวนิค: มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, ฆวน เบร์นาต - ชาบี อลอนโซ่, อาร์ตูโร่ วิดาล - อาร์เยน ร็อบเบน, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฟร้องค์ ริเบรี่ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

        ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ คาสไซ (ฮังการี)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เรอัล มาดริด ไม่แพ้ในชปล. ฤดูกาลนี้ โดยผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกัน และเป็นทีมแรกที่ทำแบบนี้ได้ในยุคชปล.
- ราชันชุดขาว ลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ เป็นครั้งที่ 34 โดยตกรอบแค่ 6 จากจำนวนก่อนหน้านี้ ซึ่งหนล่าสุดที่ตกรอบนี้ เป็นการเจอโมนาโก ฤดูกาล 2003-04
- เรอัล มาดริด เปิดบ้านเจ๊า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-2 ในรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลนี้ ทำให้พวกเขามีสถิติชนะ 23 จาก 31 เกมที่ต้อนรับคู่แข่งจากเมืองเบียร์ (เสมอ 5 แพ้ 3)
- สถิติของ "ราชันชุดขาว" ในการดวลแบบเหย้า-เยือนกับคู่แข่งจากเยอรมันในถ้วยยุโรปคือ ชนะ 13 แพ้ 8 โดยชนะรวด 5 เกมหลังที่ดวลคู่แข่งเมืองเบียร์ และยิงได้ถึง 25 ประตูในช่วงดังกล่าว
- นี่เป็นครั้งที่ 28 ของบาเยิร์นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ถ้วยยุโรป และเป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน โดยพวกเขาผ่านถึงรอบตัดเชือกได้ตลอด 5 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยผลงานในรอบก่อนรองชนะเลิศของบาเยิร์นคือ เข้ารอบ 18 ตกรอบ 9 ครั้ง
- บาเยิร์นเล่นในชปล. รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นครั้งที่ 16 มากกว่าทุกสโมสร ขณะที่บาร์เซโลน่าและเรอัล มาดริด ทำได้ 15 ครั้ง
- ชัยชนะด้วยสกอร์รวม 10-2 ของบาเยิร์นเหนืออาร์เซน่อล ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นสถิติชนะด้วยสกอร์ห่างมากที่สุดอันดับ 2 ในรอบน็อกเอาต์ ชปล. โดยเสือใต้เป็นเจ้าของสถิติดังกล่าวอยู่ดี จากชัยชนะเหนือสปอร์ติ้ง ลิสบอน 12-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 200-09
-เสือใต้เยือนกรุงมาดริดมาแล้ว ในรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลนี้ ก่อนพ่ายแอต.มาดริด 0-1 และแพ้รวด 4 เกมหลังสุดที่เยือนแดนกระทิงดุ
- เรอัล มาดริด (ร่วมกับยูเวนตุส) เป็น 2 ทีมที่ยังไม่แพ้ใครในชปล. ฤดูกาลนี้ และแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 11 เกมหลังสุดรอบน็อกเอาต์ (ชนะ 7 เสมอ 3) จากเกมพบโวล์ฟสบวร์ก เมื่อเมษายน 2016 (0-2)
- เรอัล มาดริดยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูตลอด 9 เกมชปล. หลังสุด อย่างไรก็ตาม พวกเขาเสียประตูทุกนัดในช่วงดังกล่าวเช่นกัน
- ตัวสำรองของเรอัล มาดริด ทำประตูได้มากที่สุดในชปล. ฤดูกาลนี้ จากจำนวน 5 ประตู (3 จากจำนวนดังกล่าวได้จาก อัลบาโร่ โมราต้า)