หลังจากที่ "เฮงซัง"วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแย้มว่าได้ลิสต์รายชื่อของกุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ คนใหม่เหลือแค่ 3 คน ซึ่งล้วนพาทีมผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แล้วด้วย แต่ไม่ใช่ชาติที่มาจากเอเชีย

ผู้สื่อข่าว นสพ.ฟุตบอลสยาม รายวัน ที่เกาะติดความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ได้ทำการวิเคราะห์ออกมาแล้วว่า มีทั้งหมด 4 คนที่อยู่ในข่าย คือ

1 มาซาฮิโร่ ชิโมดะ ผู้อำนวยการเทคนิคของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น เคยเป็นผู้ช่วยของกองทัพซามูไร บลู ในฟุตบอลโลก 2010 และปี 2014 แต่เมื่อเป็นคนชาติจากเอเชีย จึงต้องถูกตัดออกเป็นรายแรก

2 "วินนี่"วินฟรีด เชเฟอร์ ที่เคยพาทีมชาติแคเมอรูน เข้ารอบฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทว่าตกรอบแบ่งกลุ่ม นั้น ไม่น่าจะอยู่ในข่าย เนื่องจากมีข่าวออกมาว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยคงจะไม่เอา เพราะมีนักเตะหลายคนที่มองว่าต้องการให้กุนซือคนใหม่เข้ามาทำมากกว่าเจ้าตัวที่เคยกุมบังเหียน "ช้างศึก"ช่วงระหว่างปี 2011-13

3 มาร์กอส ปาเกต้า ที่แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามายื่นโปรไฟล์กับ "บิ๊กโจ"พาทิศ ศุภะพงษ์ โฆษกและรองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ พร้อมด้วย "เฮงซัง"วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ตาม
 
แต่ด้วยปรัญชาในการทำทีมของเขา ที่มีรายงานว่าเจ้าตัวแสดงเจตนารมณ์ ด้วยแรงปรารถนาอย่างสูงกับการเข้ามากุมบังเหียนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นที่อยากจะร่วมงานกับกุนซือรายนี้ ที่เป็นผู้นำชาติซาอุดิอาระเบีย เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย ที่เยอรมัน มาแล้ว ในยุคที่มี ซามี อัล จาเบอร์ หัวหอกตัวยิงนำทัพ ซึ่งสามารถเก็บได้ 1 คะแนน จาก 3 นัด ของกลุ่ม เอช ด้วยผลงาน เสมอ ตูนิเซีย 2-2, แพ้ ยูเครน 0-4, แพ้ สเปน 0-1 รายนี้อีกด้วย ทว่าคงจะไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
 
ทว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย น่าจะเลือก คนที่ 4 นั่นคือ มิโลวาน ราเยวัช อดีตกุนซือทีมชาติกาน่าชาวเซอร์เบีย ที่พาทีมเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ก่อนที่จะทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการมีนักเตะนำทัพไปอย่าง มิชาเอล เอสเซียง, เควิน-พริ้นซ์ บัวเต็ง, สเตฟาน อัปเปียห์, อซาโมอาห์ กียาน รวมทั้ง โดมินิค อดิเยียร์ กองหน้าที่ค้าแข้งอยู่กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในปัจจุบัน    
 
เนื่องจากสาเหตุที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย น่าจะตัดสินใจในการเลือก มิโลวาน ราเยวัช เป็นกุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และเป็นเฮดโค้ชต่างชาติคนที่ 12 ที่กุมบังเหียน "ช้างศึก"ต่อจาก ลฟรีด เซเฟอร์, ไบรอัน ร็อบสัน, ปีเตอร์ รีด, ซิกกี เฮลด์, คาร์ลอส โรแบร์โต คาร์วัลโญ, ปีเตอร์ วิธ, เดทมาร์ คราเมอร์, ปีเตอร์ สตัปป์, แวร์เนอร์ บิคเคลเฮาพท์, เพเทอร์ ชนิทเกอร์, กึนเทอร์ กลอมบ์ มาจากสาเหตุที่ว่า
 
1 อีเอสพีเอ็น สื่อชื่อดังของต่างประเทศ ได้ออกมาอ้างถึงสื่อไทยได้ตีข่าวว่า มิโลวาน ราเยวัช ได้รับเลือกให้เป็นกุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ แม้ อแล็ง แปร์กแร็ง ยังมีคิวสัมภาษณ์กับผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา อยู่ก็ตาม

2 อีเอสพีเอ็น ยังอ้างสื่อไทยว่าค่าเหนื่อยของ มิโลวาน ราเยวัช เป็นข้อได้เปรียบแก่โค้ชคนอื่น อันเนื่องจากผู้สื่อข่าว นสพ.ฟุตบอลสยาม รายวัน ได้รับรายงานอีกครั้งว่า จากเดิมที่อดีตกุนซือทีมชาติกาน่า หวังไว้ที่ 2 ล้านบาทต่อเดือนตามที่เป็นกระแสออกมานั้น

แต่เมื่อมีการเจรจาครั้งใหม่แล้ว เขาได้ลดค่าจ้างรวมกับการหักภาษีแล้วเหลือแค่ 1.5 ล้านบาท ต่อเดือน หรือ 18 ล้านบาทต่อสัญญา 1 ปี ตั้งแต่ พ.ค.2017-พ.ค.2018 ซึ่งเงินส่วนดังกล่าวจะเอาไปแบ่งกับสตาฟฟ์ที่เอามาเองอีก 4 คนด้วย ฉะนั้นจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญาคว้าเฮดโค้ชคนนี้เข้ามากุมบังเหียน