"สิงห์บูลส์" เชลซี กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไล่ถลุง "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ไปแบบสบายเท้า 4-2 ดีเอโก้ คอสต้า เหมาคนเดียวสองประตูพาทีมเก็บสามแต้มนำจ่าฝูงต่อไปโดยมี 78 แต้มทิ้งอันดับสองสเปอร์สถึง 7 คะแนนแต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด และเหลือโปรแกรมในลีกอีกเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอังคารที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอังคารที่ 25 เมษายน 2560

เชลซี 4 - เซาธ์แฮมป์ตัน 2

        สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์, (ลอนดอน)

         เกมคู่นี้ถูกเลื่อนมาจากสุดสัปดาห์ เพราะเชลซีติดภารกิจในศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันเสาร์ โดยพวกเขาตีตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยการชนะ สเปอร์ส 4-2 ในศึก ''ลอนดอน ดาร์บี้''

         ส่วนในลีกล่าสุด ''สิงโตน้ำเงินคราม'' ออกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 จนโดน สเปอร์ส ไล่หลังมาเหลือ 4 แต้มในช่วง 6 นัดสุดท้าย แต่ได้โอกาสฉีกหนีเป็น 7 แต้มหากเก็บชัยนัดนี้
 
         เปิดเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 5 นาที เชลซีขึ้นนำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เชส ฟาเบรกาส กระชากมาจ่ายให้ ดีเอโก้ คอสต้า เปิดจากกรอบเขตโทษด้านขวาสั้นๆ คืนให้ เอแด็น อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งตวัดยิงด้วยขวาบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสุดแม่นยำ และเป็นประตูที่ 15 ของอาซาร์ ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

         อย่างไรก็ตาม เซาธ์แฮมป์ตันทำเกมกันได้ดีขึ้นจนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 24 จากลูกเตะมุมทางด้านซ้าย เจมส์ วอร์ด-เพราส์ โยนเข้ามา มายะ โยชิดะ ปราการหลังชาวญี่ปุ่นของนักบุญ โหม่งเช็ดมาเสาไกลเข้าทาง มาโนโล่ กับเบียดินี่ ยิงยัดมุมแคบไปโดนขาของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารเชลซีที่ออกมาปิดมุมกลายเป็นตั้งให้ โอริโอล โรเมว กองกลางวัย 25 ปี ชาวสเปน แปด้วยขวาจ่อๆ เข้าประตูไป เป็นประตูแรกของโรเมวในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ และเป็นการทำประตูใส่ทีมเก่าอย่างเชลซีด้วย

         เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 36 เชลซีได้โอกาสจากจังหวะที่ ดีเอโก้ คอสต้า ไหลให้กับ เอแด็น อาซาร์ ยิงด้วยขวาหลุดเสาไป

         ก่อนหมดครึ่งแรก 4 นาที นักบุญแดนใต้ ได้ฟรีคิก เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ปั่นฟรีคิกด้วยขวาบอลแฉลบกำแพงออกหลังไป

         ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+1 เจ้าถิ่นมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โยนเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ มาร์กอส อลอนโซ่ โขกตั้งให้กับ แกรี่ เคฮิลล์ โถมมาโขกเข้าประตูไปช่วยให้เชลซีขึ้นนำก่อน 2-1 เมื่อหมดครึ่งแรก
 
         กลับมาสู้ต่อ ''นักบุญ'' ยังคึกคักนาที 51 เซดริก โซอาเรส เติมเกมรุกทางขวาแล้วปาดเร็วถึงหน้าประตู บูฟาล เอาชนะตัวประกบแต่กดข้ามคาน

         ทรงบอลของ เชลซี ไม่ได้ข่มแต่ได้ความชัวร์หนีห่าง 3-1 นาที 53 ลูกเตะมุมสั้นทางขวา อาซาร์ เล่นกับ ฟาเบรกาส แล้วหยอดมาปากประตูเข้าศีรษะ ดีเอโก้ คอสต้า พอดิบพอดีโหม่งเหน่งๆ เสียบใต้คานเป็นลูกที่ 18 ในลีกฤดูกาลนี้

         เจ้าถิ่นอาศัยจังหวะสวนกลับนาที 64 การประสานทางซ้ายของ อาซาร์ กับ อลอนโซ่ ก่อนเป็นวิงแบ็กสแปนิชสับไก 20 หลาทว่าตรงตัวนายด่าน เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์

         แลกกันสนุกนาที 69 เซาธ์แฮมป์ตัน เกือบไล่เข้ามานาที 69 จากเตะมุมฝั่งซ้าย วอร์ด เพราส์ เปิดโค้งหาประตู มายะ โยชิดะ ยื่นหัวโหม่ง 6 หลาโดนแบบบางๆ เลยถึง มาโนโล่ กับเบียดินี่ กดยัดมุมแคบที่เสาไกลเข้าหน้าต่าง

         เข้าสู่ช่วง 10 นาทีท้าย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เกือบยิงประตูฉลองตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอเมื่อรับบอลจ่ายของ อาซาร์ หลุดเข้ากรอบฝั่งขวาตั้งใจยิงงัดหนีมือ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ แต่นายด่านร่างโย่งยังปัดทิ้งไว้ได้
 
         ก่อนหมดเวลา 1 นาที เชลซี ได้ประตูนำห่าง 4-1 การประสานงานของ คอสต้า ครองบอลหน้ากรอบฝั่งซ้ายเลี้ยงจี้ไปทำชิ่ง 2 จังหวะกับ อาซาร์ และ เปโดร โรดรีเกซ ตัวสำรอง ก่อนที่ดาวยิวหมายเลข ''19'' จะวางเท้ายิงเน้นๆไม่เหลือซาก ถือเป็นสกอร์ลำดับที่ 19 เช่นกันยังมีลุ้นดาวซัลโวลีก

         ช่วงทดเจ็บนาที 90+4 ''เดอะ เซนต์ส'' ยิงปลอบใจ 2-4 เซดริค โซอาเรส ขึ้นเกมทางขวาล็อกตัดมาครอสเข้ากรอบ ไรอัน เบอร์ทรานด์ สอดมาโหม่งตัดหน้า จอห์น เทอร์รี่ เช็ดเสียบเสาไกล

         เป็นแอ็กชั่นสุดท้ายของเกมผู้ตัดสินเป่าหมดเวลา ''สิงห์บลูส์'' เอาชนะ 4-2 เก็บเพิ่มอีกสามคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2  สเปอร์ส ไกลถึง 7 แต้ม ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 5 นัด

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
      
         เชลซี : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์ (กัปตันทีม) - วิคเตอร์ โมเสส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เนมานย่า มาติช, มาร์กอส อลอนโซ่ - เชส ฟาเบรกาส, เอแด็น อาซาร์ - ดีเอโก้ คอสต้า

         สำรอง : อัสเมียร์ เบโกวิช (ผู้รักษาประตู) - นาธาน อาเก้, เปโดร โรดริเกซ, วิลเลี่ยน, จอห์น เทอร์รี่, เนธาเนียล ชาโลบาห์, มิชี่ บาตชูอายี่

         เซาธ์แฮมป์ตัน : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ - เซดริก โซอาเรส, แจ็ค สตีเฟ่นส์, มายะ โยชิดะ, ไรอัน เบอร์ทรานด์ - สตีเว่น เดวิส (กัปตันทีม), โอริโอล โรเมว - เจมส์ วอร์ด-เพราส์, ดูซาน ทาดิช, โซฟียาน บูฟาล - มาโนโล่ กับเบียดินี่

         สำรอง : มูเอซ ฮัสเซน (ผู้รักษาประตู) - ยอร์ดี้ คลาซี่, มาร์ติน คาเซเรส, เนธาน เร้ดมอนด์, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, เจย์ โรดริเกซ, เชน ลอง

         ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน