ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » ปรีวิวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก:โมนาโก VS ยูเวนตุส

ปรีวิวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก:โมนาโก VS ยูเวนตุส

Posted 03/05/2017 by siamsport

 

"ม้าลาย" ยูเวนตุส เตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกโดยจะส่ง เปาโล ดีบาล่า ลงล่าตาข่าย เกมเยือนถิ่น โมนาโก ที่มี ราดาเมล ฟัลเกา สวมบทกัปตันนำตะบันลุ้นชัย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดแรก) คืนวันพุธที่ 3 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสดเวลา 01.45 น. : บีอิน สปอร์ตส์ 1

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)

วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2560

โมนาโก (ฝรั่งเศส) - ยูเวนตุส (อิตาลี)

ถ่ายทอดสดเวลา : บีอิน สปอร์ตส์ 1, เวลา : 01.45 น.


สนาม : สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ (โมนาโก, ฝรั่งเศส)

        อาแอส โมนาโก จ่าฝูงลีก เอิง ฝรั่งเศส จะเปิด สต๊าด หลุยส์ II ทางตอนใต้ รับการมาเยือนของ ยูเวนตุส จ่าฝูงกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก

        ทั้งสองทีมเคยเจอกันมาแล้ว 2 ครั้งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็คือ ฤดูกาล 1997-1998 รอบรองชนะเลิศ ยูเว่ ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-4 และ ซีซั่น 2014-2015 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมม้าลาย ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 1-0

        เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสวัย 42 ปี ของโมนาโก นำสโมสรปราบ โบรุสเซีย ดอรทมุนด์ ยักษ์ใหญ่บุนเดสลีกา เยอรมัน โดยชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-3 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย

        เขานำทีมลงเล่นล่าสุดเปิดบ้านต้อน ตูลูส 3-1 ในลีก เอิง นัดที่ 35 เมื่อวันเสาร์ที่ 29 เมษายน โดยได้ประตูจาก คามิล กลิค, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, โตมาส์ เลอมาร์ นาที 49, 64, 75 ตามลำดับ ซึ่ง เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 18 ปี ยิงไปแล้ว 22 ประตู ใน 20 นัดหลังสุดที่ลงตัวจริง ในทุกรายการ

        สำหรับ โมนาโก ยิงไปแล้ว 146 ประตู จากการลงสนาม 57 นัด  ทุกรายการในซีซั่นนี้ และ ไม่แพ้ในลีก เอิง 16 นัดซ้อน (ชนะ 14 เสมอ 2)

        เป็นชัยชนะ 8 นัดซ้อนในบ้านในลีก เอิง อีกทั้ง พวกเขาชนะ 8 นัดติดต่อกันในลีก เอิง

        ยอดทีมจากถิ่นแพร็งซิโปเต้ มีโอกาสมากที่จะคว้าแชมป์ลีก เอิง ตอนนี้ทีมมี 83 คะแนน จากการลงสนาม 34 นัด แต้มมากกว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รองจ่าฝูง 3 คะแนน และ ปารีสฯ ยังเตะมากกว่า 1 นัด ซึ่ง โมนาโก ขออีก 7 คะแนน จาก 4 นัดที่เหลืออยู่ในบอลลีก ก็จะซิวแชมป์ทันที

        นัดนี้ทีมได้ ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์บราซิล พ้นโทษแบน 1 นัด ในแชมเปี้ยนส์ ลีก กลับมาลงสนาม

        ขณะที่ ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสวัย 22 ปี สวมหน้ากากป้องกันจมูก ลงฝึกซ้อม หลังหายเจ็บที่จมูก, อัลมามี่ ตูเร่ แบ็กขวาหายเจ็บสะโพก,  เบนฌาแม็ง เมนดี้ แบ็กซ้ายหายเจ็บสะโพก

        ในรายของ ฌิบริล ซิดิเบ้ แบ็กขวาทีมชาติฝรั่งเศสวัย 24 ปี ไส้ติ่งอักเสบ, กาเบรียล บอสชิเลีย ปีกซ้ายบราซิลวัย 20 ปี บาดเจ็บหนักที่เอ็นหัวเข่าขวา พักแข้งนาน 6 เดือน

        และ กีโด้ คาร์รีโญ่ กองหน้าอาร์เจนติน่าบาดเจ็บโคนขาหนีบ, ปิแอร์ เอ็นแก็งด้า ปราการหลังวัย 20 ปี บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา

        ชาร์ดิม จะใช้แผนการเล่นระบบ 4-4-2 อัลมามี่ ตูเร่ กลับมาเล่นแบ็กขวา หลังหายเจ็บ และ เมนดี้ ยืนแบ็กซ้ายเหมือนเกมล่าสุด บากาโยโก้ จะคุมแนวรับแดนกลางเคียงข้าง ฟาบินโญ่ โดยดร็อป ชูเอา มูตินโญ่ กองกลางโปรตุเกสนั่งสำรอง


        ทางด้าน มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เทรนเนอร์ฝีมือเยี่ยมของยูเวนตุส วัย 49 ปี พาทีมฝ่าด่าน บาร์เซโลน่า ยอดทีมของสเปน มาได้อย่างยอดเยี่ยมในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-0

        ขณะที่ผลงานในลีกนัดล่าสุด เกมที่ 34 บุกเสมอ อตาลันต้า 2-2 เมื่อวันศุกร์ 28 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ทีมมี 84 คะแนน จากการลงเล่น 34 นัด ทิ้งห่าง โรม่า ทีมอันดับสอง เป็น 9 คะแนน ขณะที่เหลืออีกเพียง 4 เกม โอกาสป้องกันแชมป์สคูเด็ตโต้ไว้อีกสมัยสดใสเต็มที

        แมตช์นี้ ยูเว่ ไม่มี ซามี เคดิร่า กองกลางทีมชาติเยอรมัน ติดโทษแบน 1 นัด หลังสะสมใบเหลืองครบกำหนด

        และ มาร์โก เปียซ่า และ ดานิเอเล่ รูกานี่ ต่างบาดเจ็บ

        แต่ผู้เล่นตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมลงสนาม เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ จะลงตัวจริงในแดนกลางประสานงานกับ มิราเล็ม ปานิช เปิดทางให้ ฮวน กวาดราโด้, เปาโล ดีบาล่า และ มาริโอ มานด์ซูคิช ทำเกมรุกอยู่ข้างหลัง กอนซาโล่ อิกวาอิน หัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่า


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        โมนาโก : ดานิเยล ซูบาซิช - อัลมามี่ ตูเร่, คามิล กลิค, เชแมร์ซอน, เบนฌาแม็ง เมนดี้ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟาบินโญ่, ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้, โตมาส์ เลอมาร์ - ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม), คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้

        ยูเวนตุส : จานลุยจิ บุฟฟ่อน (กัปตันทีม) - ดานี่ อัลเวส, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, อเล็กซ์ ซานโดร - มิราเล็ม ปานิช, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ - ฮวน กวาดราโด้, เปาโล ดีบาล่า, มาริโอ มานด์ซูคิช - กอนซาโล่ อิกวาอิน

        ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตว ลาออซ (สเปน)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่คู่นี้เจอกันในชปล. รอบรองชนะเลิศ โดยยูเว่เป็นฝ่ายชนะด้วยประตูรวม 6-4 ในการเจอกันเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ก่อนพ่ายเรอัล มาดริดในนัดชิงชนะเลิศ (1997-98)
- โมนาโก ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ชปล. เป็นครั้งที่ 4 ต่อจากฤดูกาล 1993-94, 1997-98 และ 2003-04 ไม่มีสโมสรจากฝรั่งเศสทีมไหนที่ผ่านถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายมากกว่า 1 ครั้ง
- นับจากฤดูกาล 2003-04 ถึง 2013-14 ยูเวนตุสผ่านเข้ารอบรองฯ เป็นครั้งที่ 2 จาก 3 ฤดูกาลหลังสุด (ต่อจากฤดูกาล 2014-15)
- ความจริงแล้ว ยูเว่ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ถึง 5 จาก 6 ครั้งที่เล่นชปล. รอบตัดเชือก
- ยูเวนตุส (ร่วมกับเรอัล มาดริด) เป็น 2 ทีมที่ยังไม่แพ้ใครในชปล. ฤดูกาลนี้ (ชนะ 7 เสมอ 3) และไม่เสียประตูติดต่อกัน 531 นาที นานที่สุดในตอนนี้
- โมนาโกชนะ 71% จากเกมในบ้านชปล. (22 จาก 31) ในบรรดาสโมสรที่เล่นในบ้านอย่างน้อย 30 เกม มีเพียงเรอัล มาดริด (76.5%), บาร์เซโลน่า (72.1%) และบาเยิร์น มิวนิค (71.3%) ที่มีอัตราชนะมากกว่า
- โมนาโกยิงได้อย่างน้อย 3 ประตูตลอด 4 เกมชปล. รอบน็อกเอาต์หลังสุด ความจริงแล้ว พวกเขาเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ ที่ยิงได้อย่างน้อย 3 ประตู 4 เกมรวดรอบน็อกเอาต์
- โมนาโกเสีย 16 ประตูในชปล. ฤดูกาลนี้ มากกว่าทีมอื่นที่เหลืออยู่
-  ไม่มีประตูไหนใน 2 ลูกที่ยูเวนตุสเสียฤดูกาลนี้ ที่มาจากโอเพ่น เพลย์ (10 เกม)
- โมนาโกไม่ได้ประตูเลยจากการได้จุดโทษ 3 ครั้ง ในชปล. ฤดูกาลนี้
- คีลิยัน เอ็มบั๊บเป้ กองหน้าวัย 18 ปี เป็นดาวซัลโวสูงสุดชปล. รอบน็อกเอาต์ ฤดูกาลนี้ ร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยทำ 5 ประตูจาก 4 เกม และเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ ชปล. ที่ยิงได้ประตูตลอด 4 เกมแรกที่เล่นรอบน็อกเอาต์
- ขณะเดียวกัน โตมาส เลอมาร์ เป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดในรอบน็อกเอาต์ ฤดูกาลนี้ (4) และเป็นคนแรกที่แอสซิสต์ 4 เกมติดต่อกันในรอบน็อกเอาต์ นับจาก อันเดรส อีเนียสต้า เมื่อพฤษภาคม 2011
- กอนซาโล่ อิกวาอิน ยิงได้แค่ 2 ประตูจาก 24 เกมชปล. รอบน็อกเอาต์ ขณะที่รอบแบ่งกลุ่ม เขาทำได้ 13 ประตูจาก 38 เกม
- ฟัลเกาทำ 39 ประตูในยูโรปา ลีกและชปล. นับตั้งแต่ประเดิมสนามเมื่อกันยายน 2009 ที่พบเชลซี มีเพียง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (41), ลิโอเนล เมสซี่ (77) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (85) ที่ยิงประตูในถ้วยยุโรปมากกว่าในช่วงดังกล่าว (ไม่นับรอบคัดเลือก)
- เปาโล ดีบาล่า ทำ 4 ประตูจาก 5 เกมชปล. รอบน็อกเอาต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »