ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » ราชันยังเน้น!จัดโด้-เบนซ์ลงซัด,ตราหมีพึ่งปาฏิหาริย์

ราชันยังเน้น!จัดโด้-เบนซ์ลงซัด,ตราหมีพึ่งปาฏิหาริย์

Posted 10/05/2017 by siamsport

"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แม้จะกุมความได้เปรียบอยู่มากแต่ยังคงเน้นหนักเช่นเคยโดยเตรียมส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ คาริม เบนเซม่า ลงปิกสกอร์เกมบุกถิ่น "ตราหมี" แอต.มาดริด ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันพุธที่ 10 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด: PPTV HD, บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา : 01.45 น.)

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)
วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2560
แอต.มาดริด (สเปน) - เรอัล มาดริด (สเปน)
(ผลนัดแรก เรอัล มาดริด ชนะมา 3-0)
ถ่ายทอดสด: PPTV HD, บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา : 01.45 น.)


สนาม : เอสตาดิโอ บีเซนเต้ กัลเดร่อน, (มาดริด, สเปน)

        "ตราหมี" แอต. มาดริด ภายใต้การคุมทีมของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์คนดังชาวอาร์เจนไตน์ พาทีมเปิดรังเชือด เออิบาร์ 1-0 ในลา ลีกา ล่าสุด รั้งอันดับสามของตารางคะแนนอย่างเหนียวแน่น

        ส่วนผลงานในถ้วยนี้ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ทาง แอต.มาดริด บุกไปโดน เรอัล มาดริด สอนเชิงพ่ายกลับมาเละเทะ 0-3 ซึ่งในรอบนี้ไม่เคยมีใครพลิกสถานการณ์จากการแพ้ 2 ลูกในนัดแรกมาก่อนในประวัติศาสตร์ แต่ แอต. มาดริด คว้าชัยถึง 29 จาก 35 นัด ยามเฝ้ารังในฟุตบอลยุโรป แถมนัดนี้จะเป็นการเล่นเกมยุโรปครั้งสุดท้ายในสนามบีเซนเต้ กัลเดร่อน ด้วย เพราะพวกเขาจะย้ายไปใช้งานสนามใหม่ "วานด้า เมโตรโปลิตาโน่" ตั้งแต่ฤดูกาลหน้า

        ความพร้อมล่าสุดต้องขาด เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ ที่บาดเจ็บพักยาว รวมไปถึง ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ ผู้เล่นแบ็คขวาที่ไม่สมบูรณ์ ขณะที่ โฮเซ่ คีเมเนซ ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย กลับมาซ้อมตามปกติแล้ว แต่คาดว่ายังไม่ฟิตพอจะออกสตาร์ท ทว่าได้ ฆวนฟราน ตอร์เรส กลับมาซ้อมแล้ว และมีลุ้นลงสนามตั้งแต่ต้นเกมเลย

        ขณะที่ ดีเอโก้ โกดิน กองหลังทีมชาติอุรุกวัย ที่โดนใบเหลือง-แดง ไล่ออก ในเกมที่ตราหมี เชือด เออิบาร์ จะติดโทษแบนแค่ในลีก สามารถลงเล่นเกมนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยจะยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ
สเตฟาน ซาวิช
 
        ในแดนกลางวาง กาบี เฟร์นานเดซ กับ ซาอูล ญีเกซ พร้อมได้ โกเก้ กับ ยันนิก แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ เดินเกมตามริมเส้นคอยเปิดบอลให้กับคู่หน้าชาวฝรั่งเศสทั้ง อ็องตวน กรีซมันน์ กับ เควิน กาไมโร่ เข้าทำประตู

        สลับมาดู "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ของกุนซือ ซีเนดีน ซีดาน นำทัพบุกต้อน กรานาด้า 4-0 ในลา ลีกา นัดล่าสุด แม้ขนผู้เล่นสำรองลงสนามเพียบก็ตามที ทำให้เก็บไปแล้ว 84 แต้มเท่ากับ บาร์เซโลน่า จ่าฝูง โดยสถิติเฮดทูเฮดเป็นรอง แต่ยังแข่งน้อยกว่าบาร์ซ่า 1 นัด

        "ราชันชุดขาว" ต้องการเพียงผลเสมอหรืออย่างแย่สุดคือแพ้ 3 ลูกโดยที่บุกไปยิงได้อย่างน้อย 1 ประตู เพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นปีที่สองติดต่อกัน พร้อมลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้สำเร็จ นับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ชื่อรายการว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1992

        สภาพทีมของเรอัล มาดริด ต้องขาด เปเป้ กองหลังจอมเก๋าที่เจ็บซี่โครง กับ แกเร็ธ เบล สตาร์ทีมชาติเวลส์ ที่เจ็บน่อง รวมไปถึง ดาเนียล การ์บาฆาล แบ็คขวาจอมบุกทีมชาติสเปนวัย 25 ปี ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังข้างขวาฉีกขาด ต้องพักประมาณ 1 เดือน

        อย่างไรก็ดี ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฝรั่งเศสวัย 24 ปี ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาเล็กน้อยจากเกมนัดแรกกับ "ตราหมี" กลับมาซ้อมตามปกติแล้ว และเตรียมทวงตัวจริง เช่นเดียวกับเหล่าตัวหลักที่ได้พักเมื่อสุดสัปดาห์ทั้ง เคย์ลอร์ นาวาส, มาร์เชโล่ วิเอยร่า, โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช, คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

        ตำแหน่งแบ็คขวานั้นคาดว่าจะใช้งาน ดานีโล่ แบ็คชาวบราซิล ที่เล่นได้เด่นในเกมลีกล่าสุด ลงมาประจำการแทนการขาดหายไปของ การ์บาฆาล

        ขุมกำลังในแดนกลางจัดชุดที่ดีที่สุดอย่าง โทนี่ โครส, คาเซมีโร่ และ ลูก้า โมดริช ลงมาทำเกม ส่วนสามประสานแดนหน้าส่ง อีสโก้ ลงผนึกกำลังกับ คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยรายของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั้น กระทุ้งไปแล้ว 10 ประตู ในรายการนี้ ตามหลัง ลีโอเนล เมสซี่ ของบาร์ซ่า แค่ประตูเดียวเท่านั้น


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        แอต.มาดริด : ยาน โอบลัค - ฆวนฟราน ตอร์เรส, สเตฟาน ซาวิช, ดีเอโก้ โกดิน, ฟิลิเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้ - ยันนิก แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้, ซาอูล ญีเกซ, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม), โกเก้ - อ็องตวน กรีซมันน์, เควิน กาไมโร่

        เรอัล มาดริด : เคย์ลอร์ นาวาส - ดานีโล่, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เชโล่ วิเอยร่า - โทนี่ โครส, คาเซมีโร่, ลูก้า โมดริช - อีสโก้, คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

        ผู้ตัดสิน : คูเน็ต ชาคีร์ (ตุรกี)


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- ไม่มีทีมไหนที่แพ้ด้วยสกอร์ 0-3 ในเกมเยือน นัดแรก รอบน็อกเอาต์ ชปล. แล้วพลิกสถานการณ์เข้ารอบ ชปล. จาก 5 ครั้งก่อนหน้านี้ แม้บาร์เซโลน่าเขี่ยเปแอสเชด้วยสกอร์รวม 6-5 ในรอบ 16 ทีมฤดูกาลนี้ก็ตาม แต่เกมแรกเป็นการแพ้ด้วยสกอร์ 0-4
- แอต.มาดริดยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียวจากนัดแรก เป็นสถิติต่ำสุดในชปล. ยุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
- นี่เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันที่คู่นี้เจอกันในรอบน็อกเอาต์ ชปล. โดยแอต.มาดริดยังไม่ชนะเหนือคู่แข่งร่วมเมือง (เสมอ 2 แพ้ 3)
- เรอัล มาดริดและแอต.มาดริดเคยเจอกันในรอบตัดเชือก ยูโรเปี้ยน คัพ/ชปล. มาแล้วครั้งหนึ่งในฤดูกาล 1958-59 โดย "ราชันชุดขาว" ผ่านเข้าชิง หลังเล่นกันถึง 3 นัด ก่อนคว้าแชมป์ในบั้นปลาย
- แอต.มาดริดผ่านเข้ารอบรองฯ ชปล. เป็นครั้งที่ 3 จาก 4 ฤดูกาลหลังสุด หลังจากไม่เคยผ่านมาถึงรอบนี้มาก่อน (นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93)
- เรอัล มาดริดผ่านเข้ารอบตัดเชือก ชปล. เป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกัน เป็นสถิติสูงสุดของรายการนี้
- แอต.มาดริดชนะ 17 จาก 22 เกมชปล.ในบ้านยุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (เสมอ 4 แพ้ 1) โดยแพ้ครั้งเดียวต่อเบนฟิก้า เมื่อกันยายน 2015 (1-2) และยังไม่เคยแพ้ที่บิเซนเต้ กัลเดร่อน ในรอบน็อกเอาต์ (ชนะ 6 เสมอ 4)
- อย่างไรก็ตาม "ตราหมี" ยิงเกิน 2 ประตูแค่ครั้งเดียวจาก 10 เกมรอบน็อกเอาต์ ชปล. ที่บิเซนเต้ กัลเดร่อน ยุคซิเมโอเน่ จากเกมพบมิลาน เมื่อมีนาคม 2014 (4-1)
- แอต.มาดริดเก็บคลีนชีต 16 จาก 18 เกมหลังสุดชปล. ที่บิเซนเต้ กัลเดร่อน
- เรอัล มาดริด ชนะรวด 5 เกมหลังสุด ชปล. เป็นผลงานดีที่สุดในรอบน็อกเอาต์ของพวกเขา และชัยชนะนัดที่ 6 จะเป็นสถิติใหม่ของชปล.
- เรอัล มาดริด (ร่วมกับยูเวนตุส) เป็น 2 ทีมที่ยังไม่แพ้ในชปล. ฤดูกาลนี้ (ชนะ 8 เสมอ 3) โดยพวกเขาแพ้แค่นัดเดียวจาก 13 เกมหลังสุด รอบน็อกเอาต์ ชปล. จากเกมกับโวล์ฟสบวร์ก เมื่อเมษายน 2016 (0-2)
- เรอัล มาดริด ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูตลอด 11 ชปล. ฤดูกาลนี้ และเกมที่แล้วเป็นนัดแรกที่พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ในชปล. ฤดูกาลนี้
- แอต.มาดริด เป็นทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดในบรรดา 4 ทีมที่เหลืออยู่ในชปล. ฤดูกาลนี้ (13 ประตูจาก 11 เกม)
- 13 จาก 14 ประตูหลังสุดในชปล.ของเรอัล มาดริด ได้ในนาทีที่ 47 ของเกมเป็นต้นไป
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงในชปล. ไปแล้ว 103 ประตู มากกว่าทั้งทีมแอต.มาดริดทำได้ 3 ประตู โดยมีอัตรายิงเฉลี่ยนัดละ 0.79 ประตูในรอบน็อกเอาต์ ชปล. (52 ประตูจาก 66 เกม) มากกว่ารอบแบ่งกลุ่ม (เฉลี่ยนัดละ 0.71 ประตู)
- โรนัลโด้ทำ 8 จาก 9 ประตูหลังสุดของเรอัล มาดริดในชปล. โดยที่เหลือได้จาก มาร์โก อาเซนซิโอ และยิงถึง 10 ประตูติดต่อกันเป็นฤดูกาลที่ 6 ในชปล. ไม่มีผู้เล่นคนไหนทำได้ติดต่อกันมากกว่า 2 ฤดูกาล (เมสซี่, ฟาน นิสเตลรอย)
- อ็องตวน กรีซมันน์ มีส่วนร่วมในการทำประตู 50% ของแอต.มาดริดในชปล. นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว (12 ประตู, 3 แอสซิสต์) อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีโอกาสยิงหรือสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษเรอัล มาดริดเลยในเกมแรกที่เจอกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »