ลิเวอร์พูล บุกชนะ ซิดนีย์ เอฟซี 3-0 ในเกมอุ่นเครื่องที่สนาม เอเอ็นแซด สเตเดี้ยม นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันพุธที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จากการทำประตูของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขณะที่ เดอะ มิร์เรอร์ สื่อผู้ดี วิเคราะห์ 5 ประเด็นจากชัยชนะของ "หงส์แดง" ซึ่งนำทัพโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานมิดฟิลด์ของสโมสร ดังต่อไปนี้

1.) สเตอร์ริดจ์ ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญ

         ทักษะเชิง ลูกหนังของ สเตอร์ริดจ์ ไม่เคยเป็นที่สงสัยจากการพิสูจน์ให้เห็นเทคนิคการจบสกอร์ที่เฉียบคมมาแล้ว หลายครั้ง ขณะที่ยังโชว์ฟอร์มสุดโดดเด่นในเกมชนะ ซิดนีย์ ด้วยการซัดประตูให้ทีมขึ้นนำและผ่านบอลให้ ฟีร์มีโน่ ซัดประตูที่ 3 รวมถึงโชว์ให้เห็นความอันตรายหน้าปากประตูคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง

         แต่เขาเป็นผู้เล่นแนวรุกแบบที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ มองหาหรือไม่? เขาจะฟิตสมบูรณ์ต่อเนื่องมั้ย? เขาเรียกร้องตำแหน่งตัวจริงหรือเปล่า? นี่เป็นคำถามที่หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ต้องถามตัวเองช่วงซัมเมอร์นี้ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอาชีพค้าแข้ง

 2.) เจอร์ราร์ด ยังมีฝีเท้าโดดเด่นเหมือนเดิม

         เจอร์ราร์ด เพิ่งแขวนสตั๊ดได้ไม่นานและเกมลักษณะนี้อาจช่วยให้เขาเจอสิ่งที่จะนำไปใช้ใน การก้าวขึ้นสู่บทบาทกุนซือ ขณะที่ในเกมกับ ซิดนีย์ นั้น อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ แสดงให้เห็นว่ายังคงมีอิทธิพลกับเกมอย่างยิ่ง แถมยังผ่านบอลยาวจากแดนหลังอย่างสวยงามข้ามแนวรับทีมดังของแดนจิงโจ้ ให้ โมเรโน่ พุ่งไปเก็บบอลหลายครั้ง การผ่านบอลยาวจากแดนหลังเป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ขาดหายไปในช่วงที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไม่ได้ลงสนามในซีซั่นที่ผ่านมา

 3.) คาร์ราเกอร์ ควรทำหน้าที่กูรูลูกหนังเท่านั้น

         เจมี่ คาร์ราเกอร์ ยกระดับตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในกูรูลูกหนังที่ดีที่สุด ตั้งแต่แขวนสตั๊ดในปี 2013 ดังนั้นมันจึงน่าสนใจกับการได้เห็นหวนกลับมาลงสนามให้ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง อดีตกองหลังวัย 39 ปีครองบอลได้อย่างเหนียวแน่นและผ่านบอลให้เพื่อนได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ความเร็วและจังหวะเป็นตัวบ่งบอกว่าทำไมเขาถึงเหมาะกับการทำหน้าที่ในสตูดิโอ เวลานี้

         แต่นั่นอาจเป็นเพราะหนึ่ง โบโบ่ ดาวยิงชาวบราซิลของ ซิดนีย์ มีสปีดฝีเท้าที่จัดจ้าน และสองความเร็วของ จอร์จ แบล็ควู้ด ส่งผลให้กองหลังวัยเก๋าต้องพุ่งเข้าปะทะเพื่อหยุดยั้งแข้งวัย 19 ปี มันเป็นการดักจังหวะที่ดีแต่ก็อาจเป็นตัวบ่งบอกว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้ว ที่ผันตัวไปเป็นกูรูลูกหนัง

 4.) คล็อปป์ อาจใช้งาน โมเรโน่ มากขึ้นในซีซั่นหน้า

         โมเรโน่ ถูกวิจารณ์ฟอร์มการเล่นบ่อยครั้งในช่วงค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล และเป็นที่เห็นพ้องต้องกันในวงกว้างว่า เขายังทำผลงานได้ไม่มีในเกมรับ แต่ฟูลแบ็กชาวสแปนิชมีฝีเท้าดีและอาจได้รับโอกาสจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ มากขึ้นในฤดูกาลหน้า ถ้ากุนซือชาวเยอรมัน ต้องการเติมเต็มศักยภาพในการทะยานไปข้างหน้าของ โมเรโน่ เขาอาจต้องทำเหมือนกับที่ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ เชลซี ปรับให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ วิคเตอร์ โมเสส รับบทบาทใหม่

         เกมกับ ซิดนีย์ นั้น โมเรโน่ เติมขึ้นไปรับลูกเปิดของ ฟีร์มีโน่ ก่อนกระโดดจบสกอร์ด้วยเท้าซ้ายได้สุดเฉียบคม การเติมเกมขึ้นไปจากแนวรับเป็นสิ่งที่ขาดหายในทัพ "หงส์แดง" ชุดนี้ แต่บางทีมันอาจสายเกินไปสำหรับแข้งวัย 24 ปีในการสอดแทรกกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง

 5.) ฟีร์มีโน่ จะเฉิดฉายถ้ามีคู่หูประจำในแนวรุก

         ฟีร์มีโน่ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นภายใต้การคุมทัพของ คล็อปป์ แต่เขาจะทำผลงานได้ร้อนแรงกว่านี้เป็นทวีคูณถ้ามีคนมาช่วงแบ่งเบาภาระยิง ประตู แนวรุกชาวแซมบ้ายิงรวม 12 ประตู และแอสซิสต์อีก 11 ครั้งในซีซั่นที่ผ่านมา ด้วยเทคนิคและอิสระในการเล่นของ สเตอร์ริดจ์ ส่งผลให้ ฟีร์มีโน่ เล่นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจในเกมกับ ซิดนีย์ คำถามเวลานี้ก็คือ กองหน้าทีมชาติอังกฤษจะได้รับความไว้วางใจให้รับบทบาทสำคัญมากขึ้น หรือดาวยิงระดับโลกจะถูกดึงเข้ามาเสริมทัพช่วงหน้าร้อนนี้หรือไม่