"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ หลังไล่ถล่มเอาชนะ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ที่เหลือแค่ 10 ตัวช่วงท้ายเกม 4-1 เกมนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เหมาคนเดียวสองประตูครองดาวซัลโวที่ 12 ลูก อีกทั้งยังพาทีมคว้าแชมป์สูงสุดเป็นสมัยที่ 12 ในนัดชิงชนะเลิศ ที่คาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
 

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2016-17

วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2560

ยูเวนตุส (อิตาลี) 1 - เรอัล มาดริด (สเปน) 4

        สนาม : เนชั่นแนล สเตเดี้ยม, (คาร์ดิฟฟ์, เวลส์)

        ผู้ชม : 66,000 คน

         มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เทรนเนอร์คนเก่งของยูเวนตุส พาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 จาก 3 ปีหลังสุด โดยฤดูกาลนี้ ''ม้าลาย'' มีผลงานยอดเยี่ยมอย่างมาก คว้าแชมป์สคูเดตโต้ และโคปปา อิตาเลีย ไปแล้ว ดังนั้นหากได้

　ถ้วยนี้อีกก็จะเป็นการคว้าทริปเปิลแชมป์

         ทางด้าน ''ราชันชุดขาว'' เรอัล มาดริด ของกุนซือ ซีเนดีน ซีดาน พาทีมผงาดคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้อย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี และเป็นสมัยที่ 33 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

         ส่วนผลงานถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น ปราบ แอต.มาดริด เพื่อนร่วมชาติมาด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-2 ในรอบรองชนะเลิศ ผ่านเข้ามาลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้สำเร็จ นับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้

　ชื่อรายการว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1992

         ก่อนเกมการแข่งขันมีการแสดงคอนเสิร์ตของ ''แบล็กอายด์พีส์'' วงดนตรีฮิพฮอพ ชื่อดังจากอเมริกา เรียกความคึกคักได้มากทีเดียว จากนั้นทาง เอียน รัช ตำนานกองหน้าของทีมชาติเวลส์ เป็นคนเชิญด้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

　ลงมาอวดโฉมในสนาม

         ออกสตาร์ตครึ่งแรกมาได้แค่ 4 นาที ยูเว่ได้โอกาสลุ้นก่อน เมื่อโบนุชชี่เปิดต่อให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอิน กดด้วยขวาจากนอกเขตโทษติดเซฟของ เกย์ลอร์ นาวาส นายทวารเรอัล มาดริด

         สามนาทีต่อมาไอ้ม้าลายได้โอกาสจากจังหวะที่ มิราเล็ม ปานิช ตะบันด้วยขวาจากนอกเขตโทษ บอลติดไซด์ก้อยนิดๆ เข้ากรอบ แต่ เกย์ลอร์ นาวาส นายทวารเรอัล มาดริด ยังไวทิ้งตัวปัดได้อย่างยอดเยี่ยม

         เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 20 เรอัล มาดริดที่ได้โอกาสครั้งแรกมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จ่ายให้กับ ดาเนียล การ์บาฆาล ที่เติมมาทางด้านขวาแล้วหักเข้ากลางให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงด้วยขวาในกรอบเขต

โทษ บอลแฉลบเท้าของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กองหลังยูเว่ เสียบมุมประตูเข้าไป และเป็นประตูที่ 11 ของคริสเตียโน่ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ขึ้นมานำดาวซัลโวร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ แล้ว

         เจ็ดนาทีต่อมายูเว่ตามตีเสมอ 1-1 ได้อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ กอนซาโล่ อิกวาอิน กระดกบอลให้กับ มาริโอ มานด์ซูคิช พักอกแล้วตวัดยิงกลับหลังจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายบอลย้อยข้ามการป้องกันของ เกย์ลอร์ นาวาส

นายทวารราชันชุดขาวเสียบใต้คานเข้าไปงามหยด ทำให้มานด์ซูคิช เป็นผู้เล่นรายที่ 6 ที่ทำประตูได้ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สองสมัย หลังจากเคยทำได้สมัยเล่นให้บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2013

         นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เรอัลได้ลุ้น เมื่ออีสโก้ไหลให้กับ คาเซมิโร่ กดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลหลุดเสาไป หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1

         กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลังได้ 9 นาที ราชันชุดขาวทำเกมบุกได้เหนือกว่า มีโอกาสจากจังหวะที่การ์บาฆาลไหลให้กับ ลูก้า โมดริช ตะบันด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัวของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารยูเวนตุส

         นาที 61 เรอัล มาดริดมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า ได้บอลทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วไหลย้อนคืนให้กับ โทนี่ โครส กดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษติดบล็อกกองหลังของยูเวนตุสมาเข้าทางของคาเซมิโร่ ตะบันด้วยขวาจากระยะ 35 หลาบอลพุ่งวาบแฉลบเคดิร่า เบียดเสาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

         กระเถิบมานาทีที่ 64 ราชันชุดขาวทิ้งห่าง 3-1 เมื่อ ลูก้า โมดริช ตวัดจากสุดเส้นหลังด้านขวาให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สอดมาปาดยิงด้วยขวาแค่ 6 หลาเข้าประตูไป เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 12 ของคริสเตียโน่ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ นำหน้า ลิโอเนล เมสซี่ แบบเดี่ยวๆ แล้ว

         ล่วงเลยมานาทีที่ 73 เรอัล มาดริดน่าจะได้ประตูเพิ่ม เมื่อมาร์เซโล่ตบจากกราบซ้ายให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตวัดยิงด้วยขวากลางกรอบเขตโทษบอลข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ

         5 นาทีต่อมา เรอัลเปลี่ยนเอา แกเร็ธ เบล สตาร์ทีมชาติเวลส์ที่เพิ่งหายเจ็บลงมาเล่นแทน คาริม เบนเซม่า ดาวยิงฝรั่งเศส

         ท้ายเกมนาทีที่ 82 ยูเว่ได้ฟรีคิกทางด้านขวา ดาเนียล อัลเวส เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ อเล็กซ์ ซานโดร ขวิดหลุดเสาสองไปนิดเดียว

         สองนาทีต่อมา ไอ้ม้าลายเหลือแค่ 10 คน เมื่อ ฮวน กวาดราโด้ ไปใช้มือผลักหลัง รามอส เลยโดนผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่สองให้ กลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกไป

         เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม เรอัล มาดริด เอาชนะ ยูเวนตุส ไปได้สวยงาม 3-1 สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้สำเร็จ นับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ชื่อรายการว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1992 และเป็นแชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรปสมัยที่ 12 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

         นอกจากนั้นยังเป็นดับเบิ้ลแชมป์ของราชันชุดขาวในซีซั่นนี้ด้วย หลังซิวแชมป์ ลา ลีกา มาได้แล้วก่อนหน้านี้

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         ยูเวนตุส : จานลุยจิ บุฟฟ่อน (กัปตันทีม) - อันเดรีย บาร์ซายี่ (ฮวน กวาดราโด้ น.66), เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ - ดาเนียล อัลเวส, มิราเล็ม ปานิช (เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ น.70), ซามี่ เคดิร่า, อเล็กซ์ ซานโดร - เปาโล ดีบาล่า (มาริโอ เลอมิน่า น.78) - กอนซาโล่ อิกวาอิน, มาริโอ มานด์ซูคิช

         สำรองไม่ได้ใช้ : เนโต้ (ผู้รักษาประตู) - เมห์ดี้ เบนาเตีย, สเตฟาน ลิกท์สไตเนอร์, ควัดโว่ อซาโมอาห์

         ใบเหลือง-แดง : ฮวน กวาดราโด้ น.84

         เรอัล มาดริด : เกย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), ราฟาแอล วาราน, มาร์เซโล่ วิเอยร่า - โทนี่ โครส, คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช - อีสโก้ (มาร์โก อาเซนซิโอ น.82), คาริม เบนเซม่า (แกเร็ธ เบล น.77), คริสเตียโน่ โรนัลโด้

         สำรอง : กีโก้ กาซีย่า (ผู้รักษาประตู) - นาโช่ เฟร์นานเดซ, ดานีโล่, มาเตโอ โควาซิซ, อัลบาโร่ โมราต้า

         ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ บรีช (เยอรมัน)

      ทำเนียบแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (10 ปีหลังสุด)  

        ฤดูกาล         แชมป์               รองแชมป์              ผลการแข่งขัน

         2007-08    แมนฯ ยูไนเต็ด      เชลซี                  1-1 (ต่อเวลาเสมอ 1-1, แมนฯ ยูไนเต็ดชนะจุดโทษ 6-5)

         2008-09    บาร์เซโลน่า          แมนฯ ยูไนเต็ด       2-0

         2009-10     อินเตอร์ มิลาน    บาเยิร์น มิวนิค      2-0

         2010-11     บาร์เซโลน่า          แมนฯ ยูไนเต็ด      3-1

         2011-12     เชลซี                  บาเยิร์น มิวนิค      1-1 (ต่อเวลาเสมอ 1-1, เชลซีชนะจุดโทษ 4-3)

         2012-13     บาเยิร์น มิวนิค      ดอร์ทมุนด์            2-1

         2013-14     เรอัล มาดริด     แอต.มาดริด             1-1   (ต่อเวลาพิเศษ เรอัล มาดริดชนะ 4-1)

         2014-15     บาร์เซโลน่า         ยูเวนตุส                  3-1

         2015-16     เรอัล มาดริด       แอต.มาดริด           1-1 (ต่อเวลาพิเศษเสมอ 1-1, เรอัล มาดริดชนะจุดโทษ 5-3)

         2016-17     เรอัล มาดริด          ยูเวนตุส              4-1