แม้ว่าจะมีกระแสวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับคู่มวยระหว่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักชกไร้พ่ายชาว อเมริกัน กับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ แชมป์ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมของ ยูเอฟซี ว่าจะเป็นการชกที่น่าเบื่อ และไม่คุ้มค่าแก่การรอคอย เนื่องจากทุกคนต่างก็มองว่า แม็คเกรเกอร์ ไม่มีประตูที่จะเอาชนะ เมย์เวทเธอร์ ได้

 แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดจะไม่ผิดหวัง คือเรื่องเงิน เนื่องจาก ฟอร์บส์ นิตยสารการเงินชื่อดัง ออกมาการันตีแล้วว่า คู่นี้จะทำลายสถิติรายรับของทุกคู่ รวมทั้งการชกระหว่าง แมนนี่ ปาเกียว กับ ฟลอยด์  ในปี 2015 ที่ทำไว้มากกว่า  600 ล้านดอลล่าร์ หรือราว  20,400 ล้านบาท

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์  จะขึ้นชกกับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ที่ ลาส เวกัส ประเทศ สหรัฐฯ ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการสู้กันในกฎกติกาของมวยสากล 12 ยก โดยที่ราคาต่อรองของคู่นี้ ฟลอยด์ เป็นต่อขาดลอย โดยราคาชนะอยู่ที่ 1/12 (แทง 12 จ่าย 1 ไม่รวมทุน) เท่านั้น ส่วนราคานักชกไอริชจะชนะอยู่ที่ 6/1 (แทง 1 จ่าย 6 ไม่รวมทุน) อย่างไรก็ตาม ฟอร์บส์ วิเคราะห์ออกมาแล้วว่า การชกคู่นี้ จะไฟท์ ที่ทำเงินมากที่สุดตลอดกาล โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้

        การชกคู่นี้จะเรียกเก็บเงินค่าสปอนเซอร์ได้มหาศาล
บริษัทใดก็ตาม ที่สนใจที่จะเข้ามาเป็น สปอนเซอร์ สำหรับการชกคู่นี้ จะต้องเตรียมเงินเอาไว้มหาศาล โดย ดาร์เรน โรฟเวลล์ ของ อีเอสพีเอ็น กล่าวว่าค่าสปอนเซอร์จะต้องมีอย่างน้อย 10 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 340 ล้านบาท เทียบกับการชกระหว่าง ฟลอยด์ กับ ปาเกียว ในปี 2015 อยู่ที่ 5.6 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 190 ล้านบาท

โดย Tecate บริษัทผลิตเบียร์ของ เม็กซิโก ที่เป็นสปอนเซอร์การชกของ เมย์เวทเธอร์ กับ ปาเกียว ในปี 2015 ได้สิทธิ์ในการติดโลโก้กลางสังเวียน รวมทั้งติดโลโก้บนป้ายบอกยก, ริมเชือก และมุมสังเวียน ซึ่งการชกระหว่าง ฟลอยด์ กับ  แม็คเกรเกอร์ นั่นเชื่อว่า สินค้า รายใดที่ต้องการมี โลโก้ ติดอยู่ที่มุมสังเวียน จะต้องจ่ายถึง 5 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 170 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังจะขายค่าโชว์โลโก้สินค้าระหว่างขึ้นยกใหม่บนทีวี เพย์-เปอร์-วิว 500,000 ดอลล่าร์ หรือราว 17 ล้านบาท และคิดค่าติด โลโก้ บนตั๋วเข้าชม 250,000 ดอลล่าร์ หรือราว 8.5 ล้านบาท

ดังนั้น หากว่า ไฟท์ นี้สามารถขายสปอนเซอร์ได้หมด จะได้เงินทั้งหมด 20 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 680 ล้านบาท มากกว่าสถิติเดิมที่คู่ ฟลอยด์ กับ ปาเกียว เคยทำไว้ถึงเกือบ 7 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 238 ล้านบาท
 
        การชกคู่นี้จะทำเงิน เพย์-เปอร์-วิว ได้ไม่ผิดหวังแน่นอน
ไฟท์ ระหว่าง ฟลอยด์ กับ ปาเกียว มีคนดูผ่าน เพย์-เปอร์-วิว ใน สหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร รวมกันราว 6 ล้านครัวเรือน ทำให้กวาดเงินไปถึง 430 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 14,620 ล้านบาท

และหลายคนเชื่อว่า ไฟท์ ระหว่าง ฟลอยด์ กับ แม็คเกรเกอร์ จะทำเงินได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำไป โดยคาดว่าราคาในการจ่ายชม เพย์-เปอร์-วิว น่าจะอยู่ที่พอๆกับคู่ของ ฟลอยด์ กับ ปาเกียว หรืออาจจะมากว่าราว 5 ถึง 10 ดอลล่าร์ แต่เชื่อว่าคู่นี้จะสามารถเรียกจำนวนผู้ชมใน สหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร ได้มากกว่า

        สังเวียนใหญ่กว่าย่อมจะเก็บเงินได้มากกว่า
ตั๋วค่าชมการชกระหว่าง ฟลอยด์ กับ ปาเกียว ราคาอยู่ระหว่าง 1,500 ถึง 10,000 ดอลล่าร์ หรือราว 51,000 ถึง 340,000 บาท ทำให้สามารถเก็บยอดผ่านประตูได้ทั้งหมด 73 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 2,500 ล้านบาท ทั้งที่ตอนเข้าชมการชกวางจำหน่ายก่อนวันชกแค่ 9 วัน

นอกจากนั้น การชก ไฟท์ ดังกล่าวยังมีขึ้นที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ที่จุผู้ชมได้ 17,000 ที่ ขณะที่การชกระหว่าง ฟลอยด์ กับ แม็คเกรเกอร์จะมีขึ้นที่สนาม ที-โมบาย ซึ่งจุผู้ชมได้ราว 20,000 ที่นั่ง และตั๋วเข้าชมที่มากกว่าถึง 3 พันใบ จะเก็บเงินเข้าชมได้มากกว่าคู่ ฟลอยด์ กับ ปาเกียว ถึง 4.5 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 153 ล้านบาท หากคิดว่าตั๋วเข้าชมมีราคาพอๆกัน

        ยิ่งมีคนวิจารณ์การชกคู่นี้มากเท่าใด ก็ยิ่งจะช่วยโปรโมต
บรรดานักวิจารณ์ชื่อดัง รวมทั้งยอดมวยอย่าง ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า หรือ ปาเกียว ต่างออกมาวิจารณ์ไฟท์นี้ว่าเหมือนกับละครสัตว์มากกว่าการชกจริงๆ แต่นั่นยิ่งจะเพิ่มความสนใจให้กับแฟนๆทั่วโลก รวมทั้งแฟนๆของ แม็คเกรเกอร์ ที่ถูกมองว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะ ฟลอยด์ ได้

แม็คเกรเกอร์ ถือว่าเป็นนักกีฬาที่มีคนติดตามทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนๆของเขาใน สหราชอาณาจักร มีมากกว่า ปาเกียว เสียอีก และทุกครั้งที่เขาขึ้นชกใน ยูเอฟซี จะมีแฟนๆเดินทางติดตามไปชมอย่างเหนียวแน่น
 
นอกจากนั้น แม็คเกรเกอร์ ยังเป็นคนที่โปรโมตตัวเองได้เก่ง และมีคนติดตามเขาอยู่ทาง ทวิตเตอร์ ถึง 4.5 ล้านคน ซึ่งเขาก็ใช้มันในการโปรโมตไฟท์นี้อย่างเต็มที่ รวมทั้ง ดาน่า ไวท์ ประธาน ยูเอฟซี ก็ช่วยโปรโมตการชกครั้งนี้อย่างสุดกำลัง