เริ่มฟาดแข้งกันแล้วสำหรับ ฟุตบอลยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก

ทัพช้างศึกวัยรุ่นชุดนี้ ได้มีการทดลองทีมด้วยการอุ่นเครื่อง 3 เส้าที่ ชลบุรี และใน 2 เกมกระชับมิตรกับ บียูเดฟโฟ่ และ ระยอง เอฟซี ซึ่งถือเป็นการทดสอบรูปเกม ระบบการเล่นต่างๆ รวมไปถึงนักเตะที่ได้มีโอกาสโชว์เพลงแข้ง

    สำหรับเกมแรกศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกผ่านไปอย่างไม่ค่อยสวยเท่าไหร่จากการเสมอกับ มองโกเลีย 1-1 ที่สนามศุภชลาศัย ขณะที่รูปเกมนั้น ก็ไม่น่าประทับใจนัก อาจเป็นเพราะสภาพสนามที่มีน้ำท่วมขัง

นี่คือสิ่งที่เราได้เห็น 5 ข้อจากเกมนี้...

    1. สภาพสนาม: จากเวลาลงแข่งขันตามกำหนดคือ 19.00 น. ต้องเลื่อนออกไปถึง 1 ชม. จากเหตุที่มีฝนตกหนักทำให้ไม่สามารถแข่งขันในเวลาดังกล่าวได้ ซึ่งจากสภาพสนามที่ดูเละเทะ น่าจะเป็นอุปสรรคของทั้งทีมชาติไทย และ มองโกเลีย ที่ไม่สามารถเล่นได้ตามถนัด

    2. ทีมเวิร์ค: เป็นอีก 1 ปัจจัยสำคัญของทีมชาติไทยชุดนี้ ถึงแม้ว่าจะมีนักเตะดีกรีไทยลีกอยู่หลายคนก็ตาม จริงอยู่ เกมแรกนี้ทุกคนทำได้ดีขึ้นมากกว่าเกมอุ่นเครื่องและช่วงเก็บตัวที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไร โค้ชโย่งยังจะต้องจูนหาจุดที่คลิ๊กอีก

    3. จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ: ในเกมแรกกับ มองโกเลีย ทีมชาติไทยดูเป็นต่อเยอะพอสมควร ถึงแม้ว่าสภาพสนามจะไม่เอื้ออำนวย แต่การเปิดเกมบุกและการครองบอลที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ก็ไม่ทำให้ทัพช้างศึกได้ประตูที่ต้องการเพิ่ม มีจังหวะยิงเน้นๆหลายครั้งในครึ่งหลัง ทั้งจากรัตนากร ใหม่คามิ และ จากสิทธิโชค กันหนู แต่ก็หลุดกรอบออกไปทั้งหมด ซึ่งถ้าไทยยิงเพิ่มได้ เม็ด 2 เกมคงขาดไปแล้ว

    4. โชคร้าย: จากการที่เสีย รัตนัย ส่องแสงจันทร์ นายทวารมือ 1 ของทีมที่ได้รับบาดเจ็บซ้ำ ทำให้ นนท์ ม่วงงาม ผู้รักษาประตูที่ไปเติบโตที่ประเทศฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นมือ 1 เกมนี้ โดยรวมเจ้าตัวไม่มีข้อผิดพลาด แต่มาโชคร้าย ในจังหวะเสียประตู เพราะบอลมาตกที่น้ำขังพอดี จนทำให้กองหลังเสียจังหวะ และ โดนนักเตะมองโกเลียฉกบอลจนหลุดเดี่ยวเข้ามา จนต้องรวบและกลายเป็นจุดโทษ ซึ่งในเกมฟุตบอลถ้าคุณจบสกอร์เพิ่มไม่ได้ ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้คู่แข่ง และเกมนี้ มองโกเลีย ฉกฉวยโชคร้ายของไทย เอามาเป็นโชคดีของพวกเขาได้สำเร็จ

    5. สภาพจิตใจ: หลังโดนตีเสมอ เราเห็นจิตใจของนักเตะช้างศึก u-23 ยังคงสู้ ทุกคนวิ่งอย่างเต็มที่ในช่วง 4-5 นาทีที่เหลือ และมีโอกาสขึ้นนำจากเตะมุมสองครั้งซ้อน ถึงแม้จะไม่ได้ประตู แต่เราก็เห็นความไม่ย่อท้อในแววตาของนักเตะ ก็ได้แต่หวังว่าในเกมต่อไปกับมาเลเซีย วันศุกร์นี้ นักเตะจะใช้ความมุ่งมั่นของตัวเองแบบในเกมนี้ ใส่ลงไปในสนามอีกครั้ง

แน่นอนว่า โค้ชโย่ง กุนซือใหญ่ของทัพช้างศึก ยังมีการบ้านให้ต้องทำอีก หากหวังเข้ารอบ ซึ่งใน 2 เกมที่เหลือกับ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย จำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้ทั้งหมด เพื่อโอกาสไปโลดแล่นในรอบสุดท้าย