ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงสคัพ ครั้งที่ 45 ที่เพิ่งจบลงไปพร้อมกับตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 15 ของทีมชาติไทย และกลายเป็นเวทีแจ้งเกิดอีกครั้งของ "เจ้านิว"ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางจอมขยันทายาท "เจ้าเด๋อ"ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย

ด้วยฟอร์มการเล่นที่กลับมาโดดเด่นสะดุดตาอีกครั้งในนามทีมชาติไทย "เจ้านิว"ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ยอมรับว่ามันไม่ง่ายที่จะกลับมา หลังจากเคยได้รับโอกาสในการเล่นทีมชาติ ยุค "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แต่ในเกมปรีโอลิมปิก กับญี่ปุ่น ซึ่งแข่งกันที่กาต้าร์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2559 "เจ้านิว"ดันยิงจุดโทษในเกมพลาดลื่นก่อนและยิงไปชนคาน หลังจากนั้นชื่อของเขาก็หลุดจากทีมชาติยุค "ซิโก้"ไปเลย
   
"แมตช์นั้นคือความผิดหวังสุด ๆ ของผมและทำให้ผมไม่ติดทีมชาติอีกเลย หลังเกมผมอ่านคอมเม้นท์ในเฟสและในเว็บฯ ผมโดนวิจารณ์หนัก ทำให้จิตตก และนับจากวันนั้นผมไม่คิดจะอ่านมันอีกเลย ทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาหลังเกมแพ้ญี่ปุ่น หลุดทีมชาติ โดนด่า และในสโมสรซึ่งตอนนั้นเล่นให้เอสซีจี เมืองทอง ผมก็ได้ลงบ้าง ไม่ลงบ้าง ความมั่นใจมันไม่เหลือเลย ไม่กล้าเล่น กลัวพลาด ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่"
   
แม้ตอนจาก "กิเลนผยอง"มาอยู่สิงห์เชียงราย ในเลคสองปีที่แล้ว "เจ้านิว"ก็ยังโดนภาพเก่าตามหลอกหลอน ทำให้เล่นแบบกล้า ๆ กลัว ๆ จนเมื่อสามารถยิงบีอีซี เทโรฯ ได้ ทำให้ความมั่นใจเริ่มกลับคืนมาบ้าง
    
แต่จุดเปลี่ยนจริง ๆ เกิดขึ้นในช่วงที่ อเล็กซานเดอร์ กาม่า เข้ามาคุมเชียงราย พร้อมสตาฟฟ์ทีมงาน "เจ้านิว"ร้องขอกับกาม่า อยากให้โค้ชฟิตเนสช่วยติวเข้มสร้างกล้ามเนื้อขาขึ้นมาใหม่
   
"ก่อนหน้านี้ผมวิ่ง ๆ พอถึงช่วงครึ่งหลัง แข้งขาจะอ่อนทุกที ผมเลยขอให้โค้ชฟิตเนสช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้ในช่วงปรีซีซั่น เข้าคอร์สแบบเช้า-เย็น วันละชั่วโมงกว่า แล้วมันก็เห็นผล เมื่อผมรู้ว่า ตัวเองแข็งแรงขึ้น วิ่งได้ 90 นาทีไม่มีเหนื่อย และขาไม่อ่อนแรง"
    
"จากนั้นผมก็รอคอยโอกาส แต่ก็มุ่งมั่นทำเต็มที่เพราะเชื่อว่าสักวันจะกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง เมื่อ ราเยวัช เข้ามาคุม ผมเริ่มต้นกับสิงห์เชียงรายด้วยการทำแฮตทริกในนัดเปิดสนามกับ ซูเปอร์พาวเวอร์ เหมือนเพิ่มพูนความมั่นใจและความมุ่งมั่นให้กับผม และเมื่อมีชื่อติดทีมชาติ ผมดีใจสุด ๆ และคิดว่าถึงเวลาแล้วกับโอกาสใหม่ของผม"
   
การกลับมาครั้งนี้ ราเยวัช ให้ "เจ้านิว"เน้นเกมรับเป็นอันดับแรก แต่ไม่ห้ามในการเติมเกมรุก ทำให้เจ้าตัวเล่นได้อย่างอิสระและมั่นใจ ซึ่งก็สามารถทำผลงานได้โดดเด่น
    
"ผมเชื่อว่าผมยังทำได้ดีกว่านี้อีกถ้าได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบคุณครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อไพโรจน์ที่คอยช่วยติวจุดอ่อนผมตลอดทุกนัดที่ลงเล่น สอนผมทุกอย่างตั้งแต่การเล่นในสนามและการใช้ชีวิตนอกสนาม วันนี้ผมยังพร้อมมุ่งมั่นต่อไป เพื่อรับใช้สโมสรและเป็นตัวหลักของทีมชาติอย่างต่อเนื่อง" "เจ้านิว"กล่าวปิดท้าย