หลังจากผ่านไป 1 เกมในศึกฟุตบอลเอเอฟซี ยู-23 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอช ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ...

ปรากฏว่า จากการผลการแข่งขันที่ทีมชาติไทยเสมอมองโกเลีย 1-1 และทีมชาติมาเลเซีย ชนะอินโดนิเซีย 3-0 นั้น ทำให้เกมนัดที่ 2 ของทีมชาติไทยชูดยู-23ที่จะพบกับทีมชาติมาเลเซียนั้น มีความหมายอย่างมาก เพราะต้องชนะสถานเดียว เราไปดูกันว่า ทัพ "เสือเหลือง" ชุดนี้มีอะไรที่ทีมชาติไทยต้องระวังกันบ้าง...

1. ประสบการณ์ของกุนซือ สำหรับ อ่อง คิม สวี เฮดโค้ชทีมชาติมาเลเซียวัย 46 ปีรายนี้มีประสบการณ์ในการคุมทีมมาอย่างโชกโชนกว่า 10 ปี ปัจจุบันทำทีมชาติมาเลเซียชุดใหญ่ โดยมีผลงานชิ้นโบว์แดงคือเคยพา "เสือเหลือง" ชุดเล็กคว้าเหรียญทองกีฬา ซีเกมส์ ปี 2011 และคว้าแชมป์ เมอร์เดกาคัพ ทัวร์นาเมนต์ 2013 มาแล้ว

2. เรื่องความฟิตที่วิ่งไม่มีหมด แม้ว่านักเตะหลายรายในทีมจะต้องมีโปรแกรมการแข่งขันในลีกก็จริง แต่ทาง อ่อง คิม สวี กุนซือทีมชาติมาเลเซียสั่งให้ รูเบน จูด บัลราจ โค้ชฟิตเนสของทีมให้ออกแบบโปรแกรมเรียกความฟิตให้กับนักเตะทุกคนในทีม ซึ่งในครั้งนี้ เจ้าตัวก็คงทำเช่นนั้นอีกเช่นกัน นอกจากนี้ จอห์น โคเบียล่า กูรูด้านฟิตเนสก็ถูกจ้างเข้ามาเพื่อให้วางแนวทางการฝึกซ้อมให้กับนักเตะแต่ละคนเพื่อนำไปใช้ระหว่างอยู่กับสโมสรด้วย และเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะส่งผลอย่างมากในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่แข่งติดกันแบบนี้

3. ความพร้อมและศักยภาพที่ออกข่าวลวง  จาการแถลงข่าวของทีมชาติมาเลซียก่อนการแข่งขันในศึกฟุตบอลเอเอฟซี ยู-23 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอช ที่บอกว่าพวกเค้ามีเวลาในการเตรียมทีมแค่ 5 วัน และถ่อมตัวจนชนิดที่ว่าทีมอื่นตายใจไปจนหมด แต่จากรายงานล่าสุดที่เชื่อถือได้ ระบุทีมชุดนี้ของมาเลเซียมีการไปเก็บตัวที่ทวีปยุโรปถึง 3 เดือนมีการอุ่นเครื่องแบบปิดอยู่สม่ำเสมอ และคือชุดความหวังที่จะแข่งขันในศึกซีเกมส์ที่พวกเค้าเป็นจ้าภาพด้วยนั้นเอง

4. เกมรับที่เหนียวแน่นและการโต้กลับที่เร็ว รูปแบบการทำทีมของ อ่อง คิม สวี ที่ยึดหลักเป็นแนวทางของทีม "เสือเหลือง" ชุดนี้คือ การตั้งรับและโต้กลับไว ถือว่าทำได้ดีมากในเกมนัดประเดิมสนาม และถือเป็นรูปแบบที่ระยะหลังกุนซือรายนี้ยึดในการเล่นกับไทยมาโดยตลอด และที่สำคัญการเจอกันในเกมนี้ เป็นทีมชาติไทยที่แบกความกดดันมากกว่า จำเป็นต้องเอาชนะสถานเดียวเท่านั้น และจำเป็นจำเป็นต้องเปิดเกมรุกโอกาสที่แท็คติกของมาเลเซียจะข้าทางก็มีสูง โดยนักเตะที่น่าจับตามองคือ มูฮัมหมัด ซียาฟิค อาเหม็ด กองหน้า มูฮัมหมัด ฟาซารี ปีกความเร็วสูง และอดัม นอร์ อัสลิน กองกลางตัวทำเกม

5. เรื่องการควบคุมอารมณ์ ในยามคับขัน  หากดูในเกมแรกที่ทีมชาติไทยยู 23 เสมอ ทีมชาติมองโกเลียยู 23 นั้นเรื่องของการเข้าบอลทีมโฉ่งฉ่าง และการควบคุมอารมณ์ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะหลังโดนตีเสมอแล้ว ไล่เตะคู่แข่งแบบไม่ควรอยู่หลายจังหวะไม่น้อย ส่วนทีมชาติมาเลเซียยู 23ชุดนี้ สิ่งที่อ่อง คิม สวี กุนซือจอมเก๋าเน้นที่สุดคือ การควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในเกมและนัดที่ชนะอินโดก็ทำได้ดีมาก แน่นอนว่า การเจอกับทีมชาติไทยในเกมนี้ มาเลเซียจะต้องงัดแท็คติกการดึงเกมช้า การเข้าบอลหนัก และยั่วนักเตะไทย หากรูปเกมยังคงได้เปรียบ ดังนั้น สมาธิในเกมนี้จะเป็นตัวตัดสินเกมเลยทีเดียว