ฟุตบอลซีเกมส์ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญของชาติอาเซียน ที่หลายชาติต่างมุ่งหวังที่จะเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาชนิดนี้ ซึ่งแข้งช้างศึกทีมชาติไทย ถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ จากผลงานระดับอาเซียน ที่โชว์ฝีเท้าได้เหนือกว่าทีมเพื่อนบ้านช่วงระยะหลังนี้

แต่องค์ประกอบของความสำเร็จไม่ใช่มาจากนักเตะเพียงอย่างเดียว "หัวหน้าผู้ฝึกสอน" ก็เป็นสิ่งสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จ ทีมงาน siamsport ได้จัดหาเรื่องราวและดีกรีของ 5 โค้ช ที่มีสิทธิ์พาชาติอาเซียน ผงาดคว้าเหรียญทองครั้งนี้ มาฝากกัน

    5. แกร์ด ซีเซ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติเมียนมา

กุนซือชาวเยอรมันวัย 65 ปี ผู้ที่สร้างประวัติศาสตร์พาเมียนมา ไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี 2015 เรียกได้ว่าฟูมฟักนักเตะตั้งแต่เยาวชน ยู-19 มาตั้งแต่ปี 2014 และผู้เล่นอายุน้อยเหล่านี้ก็ถยอยขึ้นมาเล่นชุด ยู-23 และชุดใหญ่ ทำให้ซีเกมส์ของเมียนมาครั้งนี้ น่าจะมีจุดเด่นในด้านทีมเวิร์คแน่นอน นอกจากจะมายกระดับของเมียนมาให้พัฒนาขึ้นแล้ว เจ้าตัวยังขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเนี๊ยบ หากใครจำกันได้ในการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ที่ผ่านมา เขาเป็นคนตัดชื่อ "คยอ โค โค" ผู้เล่นที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของเมียนมา ออกจากทีมในรอบตัดเชือก เนื่องจากมีปัญหาในด้านความประพฤติ โดยไม่สนว่าจะเป็นซูปเปอร์สตาร์มาจากไหน

    4. เหงียน ฮู ถัง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติเวียดนาม

อดีตกองหลังทีมชาติเวียดนามวัย 45 ปี เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือทั้งชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ควบคู่กันไป ประสบการณ์การคุมทีมถือว่าไม่ธรรมดา เมื่อเจ้าตัวเคยพาทีมซงลาม เหงะอาน สโมสรที่เขาเล่นมาอย่างยาวนานช่วงปี 1993-1999 คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของลีกเวียดนามในปี 2011 แต่ผลงานในระดับทีมชาตินั้นทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมาก็คือ การอกหักจากการตกรอบรองชนะเลิศ ใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ต่อการแพ้ อินโดนีเซีย ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-4

    3.  หลุยส์ มิญ่า หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติอินโดนีเซีย

กุนซือชาวสเปน วัย 51 ปี ที่ผ่านประสบการณ์ฟุตบอลมาอย่างโชกโชนทั้งในฐานะนักเตะอาชีพ ที่มีดีกรีลงเล่นให้กับ 3 ทีมดัง ลาลีกา สเปน ทั้งบาร์เซโลน่า , เรอัล มาดริด และ บาเลนเซีย ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับ ในช่วงปี ค.ส. 1985 - 2000 ส่วนในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้น ระดับทีมชาติผ่านการคุมทีมชาติสเปน ไล่ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ไปจนถึง 23 ปี โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการพากระทิงดุ ผงาดคว้าแชมป์ ยูโร ในปี 2011 ที่อุดมไปด้วยแข้งดีกรีระดับโลกในยุคปัจจุบันมากมาย ทั้ง ดาวิด เด เคอา , ฆวน มาต้า , อันเดร เอร์เรร่า และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า โดย มิญ่า เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นปี 2017 และทำหน้าที่ดูแลทั้งชุดใหญ่ และชุดเตรียมทีมซีเกมส์ อีกด้วย

    2. อ่อง คิม สวี หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติมาเลเซีย

กุนซือชาวมาเลเซีย วัย 46 ปี ที่มีประสบการณ์ย่านอาเซียนมาอย่างโชกโชน กับทั้งในระดับทีมชาติชุดใหญ่และเยาวชน จากการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลของมาเลเซีย การเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชุดใหญ่ก็ตามมา และใช้บริการโค้ชชาวต่างชาติอย่าง "เนโล วินกาดา" กุนซือชาวโปรตุเกส ทำให้ อ่อง คิม สวี ได้มาคุมทีมชุดซีเกมส์อีกครั้ง และหากดูสถิติการเป็นแชมป์ซีเกมส์ของมาเลเซีย ทั้งหมด 6 ครั้ง คน ๆ นี้นี่แหล่ะ ที่พาทีมเสือเหลือง ผงาดคว้าเหรียญทองซีเกมส์มาได้ในปี 2011 ที่พวกเขาแม่นโทษเหนือ อินโดนีเซีย ในแผ่นดินของทัพอิเหนาเอง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเขาก็ไม่สำเร็จในการคุมทีมเลย จากทั้งซีเกมส์ 2013 และ 2015 ร่วมไปถึง เอเอฟเอฟ 2014 และ 2016 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การเล่นในฐานะเจ้าภาพทำให้เจ้าตัวแสดงความมั่นใจว่า จะพาทีมเสือเหลืองประสบความสำเร็จในครั้งนี้ให้ได้

    1. วรวุฒิ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย

อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ยุคดรีมทีม ประสบความสำเร็จทั้งซีเกมส์ และ อาเซียนคัพ ปัจจุบันอายุ 45 ปี ผันตัวเองมาเป็นกุนซือตั้งแต่ปี 2010 มาแล้ว แม้ผลงานในระดับสโมสรของ "โค้ชโย่ง" ยังไม่เด่นชัดมากนัก จากผลงานการคุมทีมชั้นนำไทยลีกทั้ง ชลบุรี เอฟซี และ สุพรรณบุรี เอฟซี แต่การที่เจ้าตัวได้เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ตั้งแต่ปี 2016 เขามีส่วนสำคัญในการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ การพาทีมคว้าแชมป์ 4 เส้า เนชั่นส์ คัพ 2016 ด้วยการเฉือน มาเลเซีย (ชุดเตรียมซีเกมส์) ด้วยสกอร์ 2-1 และทีมชุดนี้ยังสร้างชื่อเสียงต่อเนื่องกับการไปผงาดคว้าแชมป์ดูไบ คัพ เมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมา เป็นการสร้างความมั่นใจก่อนการแข่งขันซีเกมส์ ที่ "โค้ชโย่ง" ใช้เวลาเตรียมทีมชุดนี้เป็นระยะเวลาเป็นปี ๆ