ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » จับเข่าคุยกับ ว่าที่แข้งสถิติโลก "พเนจรย้ายทีมมากที่สุด!"

จับเข่าคุยกับ ว่าที่แข้งสถิติโลก "พเนจรย้ายทีมมากที่สุด!"

Posted 04/09/2017 by siamsport

ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของคนส่วนใหญ่ ต้องการสร้างตำนานกับทีมใดทีมหนึ่ง ที่จะจารึกชื่อไว้ว่าเป็นนักเตะที่ค้าแข้งนานที่สุด จงรักภักดีที่สุด และสร้างความสำเร็จให้ทีมมากที่สุด แต่อีกด้านของนักเตะเลือดซามูไร "แดน อิโตะ" เขากลับต้องการสร้างสถิติโลกให้จารึกว่าเป็น "แข้งพเนจรย้ายทีมมากที่สุด"

ทีมข่าวสยามสปอร์ตได้มีโอกาสเจอกับ "แดน อิโตะ" ในวัย 41 ปี ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลเยาวชนของทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ในเมืองซัปโปโร หลังจากเขามาเตะฟุตบอลเพื่อออกกำลังกายและแนะนำตัวว่าเคยเล่นให้ทีม โอสถสภา ในไทยลีก ก่อนที่จะมารู้ทีหลังว่า เรากำลังได้คุยกับ ว่าที่แข้งกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์

จากนักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ ที่กวาดแชมป์มาทั่วฮอกไกโด ในวัยเด็ก ก่อนผันตัวมาล่าฝันการเป็นนักเตะอาชีพ ที่เริ่มจากการค้าแข้งกับทีม เวกัลตะ เซนได ในปี 1998 ยุคเดียวกับ ที่มี โนบูยูกิ ไซเซน อดีตนักเตะ เอสซีจีเมืองทองฯ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่ด้วยฝีเท้าที่ไม่โดดเด่น และมีอาการบาดเจ็บ แม้ว่าในช่วงนั้นจะเซ็นสัญญากับทีมซัปโปโร ในปี 2000 แต่ก็ว่างพอที่จะคิดหาแนวทางในการเล่นฟุตบอลใหม่เกิดขึ้น

 

จับเข่าคุยกับ ว่าที่แข้งสถิติโลก "พเนจรย้ายทีมมากที่สุด!"
คุณมีความคิดที่สร้างสถิติย้ายทีมมากที่สุดเกิดขึ้นตอนไหน?

แดน อิโตะ: ตอนนั้นทีม วู้ดแลนด์ เวลลิงตัน ในสิงค์โปร ประกาศหานักเตะ พอได้ข่าวเลยไปคัดตัวและสำเร็จ นั่นคือช่วงเวลาที่ผมเริ่มวางเป้าหมายของเส้นทางนักเตะคือ จะต้องย้ายทีมไปในแต่ละประเทศ เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม ท่องเที่ยว ซึ่งในตอนแรกคิดวางไว้ที่ 10 ประเทศทั่วเอเชีย แต่ตอนนี้ มันไปไกลกว่านั้นมาก

เล่นมาทั้งหมดกี่ทีมแล้ว?

แดน อิโตะ : ผมเริ่มจาก เวกัลตะ เซนได ในปี 1998 , ซัปโปโร  ปี 2000 ก่อนจะเริ่มย้ายออกนอกประเทศเริ่มต้นที่ วูดแลนด์ เวลลิงตัน ปี 2001 ,  เวสต์เกต ลีกล่าง ในออสเตรเลีย ปี 2002 , ท่าเรือฯ ไซง่อน ที่เวียดนาม ปี 2003 , คิตฉี ที่ฮ่องกง ปี 2004 , โอสถสภา ในปี 2004 เลก 2, ปีนัง ที่มาเลเซีย ปี 2005 , QAF ที่บรูไน ปี 2005 เลก 2 , วาเลนเซีย ที่มัลดีฟส์ ปี 2006 , DMPP ที่บรูไน ปี 2006 , ต๊วนเหมิน ในฮ่องกง 2008 , วินซอร์ อาร์ช ที่มาเก๊า 2009, เชอร์ชิลล์ บราเธอร์ส ที่อินเดีย 2009-2011 , รักขะ ปุระ ที่เมียนมาร์ 2011 , Manang marshyangdi fc ปี 2011 เลก 2 , บิ๊วต์ ไบร์ท ยูไนเต็ด ที่กัมพูชา ปี 2012 , กรีน อาร์เชอร์ส ที่ฟิลิปปินส์ 2013 , เออร์ชิม เอฟซี ที่มองโกเลีย ปี 2013 เลก 2 , ลาวโตโยต้า  เอฟซี 2014 , โยธา ที่ สปป.ลาว ปี 2014 เลก 2 , ธิมพู เอฟซี ที่ภูฏาน ปี 2015 , โคลองโบ ที่บังคลาเทศ ปี 2016 , ปอนตา เลสเต ที่ติมอร์ เลสเต ปี 2016 เลก 2  รวมทั้งหมด 24 ทีม จาก 21 ประเทศในเอเชีย

ตอนที่เล่นกับ โอสถสภา ในเมืองไทย เป็นไงบ้าง?

แดน อิโตะ : ฟุตบอลไทยลีก เมื่อตอนที่ผมเล่น ยังไม่มีชื่อเสียงในเอเชียมากเท่าตอนนี้ รายได้ตอนนั้นน้อย คนดูไม่เยอะเท่าตอนนี้ แต่สิ่งที่ผมประทับใจคือเพื่อนร่วมทีม ยุคนั้นมี ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ , จักรกฤษณ์ บุญคำ, วรวุฒิ วังสวัสดิ์ , วิมล จันทร์คำ และคนอื่นๆ พวกเขาเล่นเก่ง ฝีเท้าดีมาก แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ผมมีความสุขมากในตอนนั้น

 

จับเข่าคุยกับ ว่าที่แข้งสถิติโลก "พเนจรย้ายทีมมากที่สุด!"
ทำไมถึงอยากบันทึกลง "กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์"?

แดน อิโตะ : ผมเคยมีความฝันอยากเป็นนักเตะทีมชาติญี่ปุ่น แต่ทำไม่สำเร็จ แต่วิธีนี้คือการสร้างชื่อให้ตัวเอง ครอบครัว และ ประเทศของผม อยากให้คนอื่นๆได้รู้ถึงประวัติของผมในการเดินทาง ผมพบโลกใหม่และวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีทั้งดี และ ไม่ดี จากนี้ผมอยากเป็นตัวแทนของฟุตบอล ออกไปเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่น ตามประเทศต่างๆ หลังจากที่ทุกๆคนได้รู้จักผม

เรื่องการบันทึกสถิติโลก ไปถึงไหนแล้ว?

แดน อิโตะ: การที่จะบันทึกสถิติโลก จำเป็นจะต้องมีหนังสือยืนยันการเล่นในแต่ละทีมของผม จากทีมต่างๆที่ออกให้โดยตรง ตอนนี้ผมได้มา 15 ทีม ยังเหลืออีก 9 ทีม และ 1 ในจำนวนที่ยังไม่ได้เอกสารยืนยันการค้าแข้งคือ โอสถสภา แต่ผมกำลังพยายามรวบรวมให้เสร็จในไม่ช้านี้

คุณได้อะไรจากการไปเล่นในหลายๆประเทศ?

แดน อิโตะ: จริงอยู่ที่ในยุคนี้เราได้รู้ทุกอย่างในโลกของอินเตอร์เน็ต แต่การที่ผมได้ไปด้วยตัวเอง ได้รู้โลกของฟุตบอลที่เป็นของจริงในประเทศต่างๆ ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะข่าวบางข่าวก็บิดเบือน ไม่จริงเหมือนที่ผมไปสัมผัสมา จากลีกต่างๆทั่วเอเชีย ผมได้เรียนรู้วัฒนธรรม และ ได้รู้จักโลกในแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม

ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ และ เป้าหมายของชีวิตคืออะไร?

แดน อิโตะ : ตอนนี้ผมรับงานเป็นผู้บรรยาย โดยทีมสโมสรต่างๆจากญี่ปุ่น และหลายๆประเทศ ให้ผมไปเล่าประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลของผม แต่สิ่งที่สำคัญคือจากนี้ผมตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะไปเล่นฟุตบอลเพิ่มอีก 1 ประเทศในเอเชีย และในปี 2017 นี้ ผมกำลังฟิตร่างกายเพื่อทำตามเป้าหมายนั้น และผมอยากที่จะเป็นโค้ช ผู้จัดการทีมฟุตบอล ในอนาคต

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »