ซิมง มิโญเล่ต์ หวิดทำสามแต้มของ "หงส์แดง" หล่นหายหลังแก้ตัวที่ทำเสียจุดโทษเซฟลูกยิงของ เจมี่ วาร์ดี้ ไว้ได้ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะถอนแค้นบุกเฉือน "จิ้งจอก" สุดมัน 3-2 เกมนี้ ฟิลิเป้ คูตินโญ่ คืนฟอร์มเก่งยิงหนึ่ง-จ่ายหนึ่ง พาทีมซิวชัยได้ในรอบ 5 เกมหลัง กระโดดไปรั้งท็อปไฟว์ของตาราง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2560
เลสเตอร์ 2 - ลิเวอร์พูล 3

สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

    เลสเตอร์ ที่เพิ่งเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในบอลถ้วยเมื่อกลางสัปดาห์ กลับมาเปิดรังอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เป็นโปรแกรมลีก โดยส่ง เจมี่ วาร์ดี้ กับคู่กับ ชินจิ โอกาซากิ ในแดนหน้า ด้านหงส์แดงส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ลงล่าตาข่าย

    เริ่มเกมมาได้ 6 นาที เลสเตอร์ เกือบเฮก่อน เมื่อ เจมี่ วาร์ดี้ เบียดแนวรับหงส์แดงได้หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วดีดไปติด ซิมง มิโญเลต์ เซฟไว้ได้ บอลมาเข้าทาง ริยาด มาห์เรซ ซ้ำดาบสองก็ข้ามคานออกไป

    ทัพจิ้งจอกมีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ตั้งป้อมเปิดจากฝั่งขวาไปเสาไกล ชินจิ โอกาซากิ เทกตัวโหม่งก็ยังไม่เข้ากรอบในนาทีที่ 14

    อีกนาทีให้หลัง กลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่มาขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เปิดจากฝั่งซ้ายโค้งไปเสาไกลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โหม่งมุมแคบเบียดเสาเข้าประตูไปเลย

    สกอร์มาเปลี่ยนเป็น 2-0 ในนาทีที่ 23 อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ลากจี้ขึ้นมาก่อนโดนกระแทกล้มลงได้ฟรีคิกระยะ 30 หลา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ วิ่งเข้าปั่นข้ามกำแพงโค้งเสียบเสาเข้าประตูไปไม่เหลือ

    ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เลสเตอร์ มาตีไข่แตก 1-2 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย มิโญเลต์ ที่โดนดึงออกมาไม่ถึงบอล แถมผู้ตัดสินก็ไม่เป่าฟาวล์ สุดท้ายเป็น ชินจิ โอกาซากิ ที่ตามมาสะกิดบอลบางๆ เข้าประตูไป และหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

    ในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มีโอกาสนาทีที่ 56 เมื่อ คูตินโญ่ เปิดเตะมุมไปให้ เดยัน ลอฟเรน เทกตัวโหม่งข้ามคานออกไป

    นาที 68 หงส์แดงมาฉีกหนีอีกครั้งเป็น 3-1 จากจังหวะสวนกลับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ตัวสำรองลากบอลหลุดขึ้นมาก่อนไหลไปที่ว่างให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ดึงหลบแนวรับเจ้าถิ่นก่อนซัดผ่าน ชไมเคิ่ล ตุงตาข่าย

    อย่างไรก็ตาม นาทีเดียวให้หลัง เลสเตอร์ ก็ไล่ตีตื้น 2-3 เมื่อ เดมาไร เกรย์ เก็บบอลได้ในเขตโทษฝั่งขวาแล้วยิงยัดทันที มิโญเลต์ ปัดออกมาโดน เจมี่ วาร์ดี้ โหม่งซ้ำเข้าประตูไป

    เจ้าบ้านมาได้จุดโทษในนาทีที่ 73 เมื่อ มิโญเลต์ ไปเตะ วาร์ดี้ ร่วงในเขตโทษ และก็เป็นเจ้าตัวที่ลุกขึ้นมาสังหารเอง ทว่าดันยิงไปโดน มิโญเลต์ แก้ตัวเซฟไว้ได้

    จากนั้น เจ้าถิ่นก็พยายามบุกเอาคืน โดยที่ทีมเยือนเน้นเกมโต้กลับ แต่ก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกชนะ เลสเตอร์ 3-2 เก็บสามแต้มแบบหืดจับ ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ของตารางมี 11 คะแนนเท่ากับ สเปอร์ส และวัตฟอร์ด

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    เลสเตอร์ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, แดนนี่ ซิมพ์สัน, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เบน ชิลเวลล์, ริยาด มาห์เรซ (เดมาไร เกรย์ น.61), วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, แอนดี้ คิง, มาร์ค อัลไบรท์ตัน (อิสลาม สลิมานี่ น.80), เจมี่ วาร์ดี้, ชินจิ โอกาซากิ (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ น.74)

    สำรองไม่ได้ใช้ : เบน ฮาเมอร์, คริสเตียน ฟุคส์, บิเซนเต้ อีบอร์ร่า, แดเนียล อมาร์ตีย์

    ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, เอ็มเร่ ชาน (เจมส์ มิลเนอร์ น.74), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (แดเนียล สเตอร์ริดจ์ น.64), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.79)

    สำรองไม่ได้ใช้ : ลอริส คาริอุส, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, รักนาร์ คลาวาน, โดมินิก โซลันกี้

    ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์