"โก๋อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ทำแสบให้ทีมเก่า ทั้งๆ ที่โดนโห่หนัก เมื่อหลุดไปชิพเหนือชั้น ย้ำชัยให้ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทองฯ บุกโค่น "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-0 ถึง ไอ โมบาย สเตเดี้ยม ในศึก โตโยต้า ลีก คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันพุธที่ 11 ต.ค. 60

ฟุตบอล โตโยต้า ลีกคัพ 2017 รอบ 8 ทีมสุดท้าย

วันพุธที่ 11 ตุลาคม 2560

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-2 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

นัดนี้ เจ้าบ้านภายใต้การคุมทีมของ โบซิดาร์ บันโดวิช ใช้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสา ปราการหลัง 3 คน มี พรรษา เหมวิบูลย์, อันเดรส ตูเนซ, ชิติพัทธ์ แทนกลาง วิงขวาเป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ให้ สุเชาว์ นุชนุ่ม อยู่ทางซ้าย โดย โก ซุล กิ กับ รัตนากร ใหม่คามิ ตัดเกมในแดนกลาง เปิดทางให้กับ จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ฟิตกลับมาปั้นเกม หลังขอถอนตัวจากทีมชาติไทย ทิ้ง ดิโอโก้ หลุยซ์ ซานโต ประสานงาน แจ็คสัน โคเอลโญ่ “จาจ้า” ในแดนหน้า

ด้าน “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน กุนซือใหญ่ของ เอสซีจี เมืองทองฯ ให้ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีมอยู่ในลิสต์สำรอง และไม่มี ทริสตอง สมชาย โด ที่ยังบาดเจ็บ ทว่า กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังคุมเสาต่อไป แบ็กซ้ายได้ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กลับมายืนประจำการ ให้ อดิศร พรหมรักษ์ ไปเล่นทางขวา ส่วนปราการหลังคู่กลางเป็น นาโออากิ อาโอยามะ กับ เซลิโอ ซานโตส แดนกลางมี 3 ปรสานอย่าง ชาริล ชัปปุยส์, ธีราทร บุญมาทัน และ สารัช อยู่เย็น ที่ยึดตัวจริงนัดแรกในรอบ 236 วัน แดนหน้า 3 คนใช้ เลอันโดร อัสซัมเซา, อดิศักดิ์ ไกรษร และ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดซ

ก่อนเกมมีทั้ง 2 ทีม มีการยืนสงบนิ่งถวายอาลัยแด่ในหลวง ร.9 จากนั้น เปิดครึ่งแรก เจ้าถิ่นเดินหน้าลุยทันที นาทีที่ 8 จาจ้า ได้บอลตัดเข้าในซัดด้วยซ้ายบอลผ่านหน้าประตูไป จากนั้น กิเลนผยอง ตอบโต้ เฮแบร์ตี้ ซัดแฉลบออกหลังไป 

ผ่านมาถึงนาทีที่ 21 เป็นโอกาสของ บุรีรัมย์ เมื่อ ดีโอโก้ วางให้ จาจ้า พักก่อนจะแหวกเข้าไปยิง ทว่าลูกยาวไปเข้ามือของ ตอง-กวินทร์ 

นาทีที่ 24 จาจ้า ยิงไกล บอลหลุดกรอบ แต่กลายเป็นเข้าทาง สุเชาว์ โหม่งย้อนให้ ดีโอโก้ วอลเล่ย์ติดบล็อก อาโอยามะ ก่อนที่กองหลังเลือดซามูไร จะไปฟาวล์ ดีโอโก้ ทำให้เจ้าบ้านได้ฟรีคิกด้านซ้าย สุเชาวน์ เปิดมาผู้เล่นทีมเยือนสกัดเข้าทาง โก ซุล กิ จักรยานอากาศลอยข้ามคานไป

ถัดมา ปราสาทสายฟ้า มีโอกาสใกล้เคียง จากจังหวะที่ โก ซุล กิ วางยาวให้ ดีโอโก้ ดูดลงอย่างนิ่มนวล แม้มี อาโอยามะ ตามประกบ แต่หัวหอกเจ้าบ้านก็ยังได้สับไกถากเสาไป จากนั้น ธีราทร แบ๊กซ้าย เอสซีจี เมืองทองฯ โดนใบเหลืองจากการต่อว่าผู้ตัดสินในนาทีที่ 34

เข้าสู่นาทีที่ 36 จาจ้า วางบอลจากกราบขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษ อาโอยามะ โหม่งสกัดมาเข้าทางปืน จักรพันธ์ วอลเล่ย์สวนตูมเดียว แต่ กวินทร์ รับเอาไว้ได้

กิเลนผยอง ได้เสียวท้ายครึ่งแรก เมื่อ อดิศักดิ์ หนีตัวประกบถึงเส้นหลังด้านซ้ายแล้วตบเข้ากลาง น่าเสียดายไม่มีเพื่อนตามมาเข้ามาเล่น จากนั้น รัตนากร ของเจ้าบ้านตัดฟาวล์ นักเตะทีมเยือนโวยผู้ตัดสิน ภูมิรินทร์ คำรื่น ว่าน่าได้ใบเหลือง แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร ก่อนที่อีกไม่กี่อึดใจ รัตนากร จะอัด ชัปปุยส์ อีก ทว่าสิงห์เชิ๊ตดำก็ไม่ได้ว่าอะไร 
 
ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 43 จาจ้า หมุดตัวยิงตุงตาข่าย แต่กองเชียร์ ปราสาทสายฟ้า เฮเก้อ เมื่อผู้ตัดสินเป่าว่า นฤบดินทร์ เทกตัวโหม่งแล้วกด พีระพัฒน์ จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลัง เกมแลกกัน นาทีที่ 51 ปราสาทสายฟ้า มีลุ้นเมื่อ จาจ้า โหม่งจากลูกเปิดทางขวาข้ามคานไป จากนั้น จาจ้า ได้หลุดอีก แต่โดน เซลิโอ เบียดไว้ เลยยิงไม่ถนัด ลูกเข้ามือ กวินทร์ ก่อนที่ โก ซุล กิ จะวางให้ ดีโอโก้ โหม่งเข้ามือเจ้าตองอีก

แต่เมื่อเข้าสู่นาทีที่ 57 กลายเป็น กิเลนผยอง ที่ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เฮแบร์ตี้ พาบอลหลุดขึ้นไปทางขวาแล้วตวัดเข้ากลาง ชัปปุยส์ จับแล้วเขี่ยแบบหันหลังให้ อัสซัมเซา วิ่งมาแปเรียดไม่เหลือซาก นับเป็นการยิง บุรีรัมย์ 2 นัดติดต่อกันของเจ้าตัว หลังเคยซัดตีเสมอมาแล้วในเกมลีก 1-1 (ห)

นาทีที่ 65 เฮแบร์ตี้ กองหน้า เอสซีจี เมืองทองฯ หาจังหวะปั่นจากหน้ากรอบเขตโทษแฉลบ พรรษา แต่ ศิวรักษ์ พุ่งปัดได้ด้วยปลายมือ โดยเจ้าบ้าน ขยับแก้เกม ส่ง กรกช แทน สุเชาว์ และ กรกช เกือบปล่อยทีเด็ด เมื่อเปิดไปแฉลบหวิดเสียบเสาแรก ยังดีที่ กวินทร์ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านมาถึงนาทีที่ 69 กลายเป็น กิเลนผยอง ที่ได้ประตูเพิ่มจากจังหวะโต้กลับ เฮแบร์ตี้ ไหลให้ ธีราทร หลุดเดี่ยวเข้าไปชิพข้ามตัว ศิวรักษ์ เข้าไปแบบเหนือชั้นให้ เอสซีจี เมืองทองฯ หนี 2-0

ทั้งสองทีมเปลี่ยนตัว เจ้าบ้านส่ง สุภโชค แทน ชิติพัทธ์ ส่วนโค้ชแบน ส่ง มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา แทน อดิศักดิ์ จากนั้น ปราสาทสายฟ้า ได้ลุ้นจากฟรีคิก 30 หลา แต่ ดีโอโก้ ซัดข้ามคานไป

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีท้าย บุรีรัมย์ โหมหนัก แต่ก็เฉี่ยวไปมา ขณะที่ กวินทร์ ก็ป้องกันได้หมด จากนั้น โค้ชแบน ส่ง ปีโป้ สิโรจน์ แทน อัสซัมเซา และ ปิง ทศวรรษ แทน สารัช ก่อนที่ ตอง กวินทร์ จะโชว์ซูเปอร์เซฟ บินปัดลูกยิงของ จาจ้า สุดยอด จบเกม เอสซีจี เมืองทองฯ บุกมาคว้าชัยสวยงาม 2-0 ผงาดเข้ารอบตัดเชือกต่อไป 

ทั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่สองของ “กิเลนผยอง” ที่ไม่เสียประตูในรัง ไอ โมบาย สเตเดี้ยม ต่อจากโตโยต้า ไทยลีก 2016 เลกแรก ที่บุกไปชนะ 3-0 ขณะเดียวกันยัง เขี่ยแชมป์เก่าร่วมตกรอบไปโดยปริยาย

คะแนนความสามารถของผู้เล่นทั้งสองทีม
   
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน 5, พรรษา เหมวิบูลย์ 5.5, อันเดรส ตูเนซ 5.5, โก ซุล กิ 5.5, สุเชาว์ นุชนุ่ม 5.5 (กรกช วิริยะอุดมศิริ 5 แทน น.66), จักรพันธ์ แก้วพรม 5.5, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม 5, ชิติพัทธ์ แทนกลาง 5 (สุภโชค สารชาติ 5 แทน น.69), รัตนากร ใหม่คามิ 5, ดิโอโก้ หลุยซ์ ซานโต 5.5, แจ็คสัน โคเอลโญ่ “จาจ้า” 5

เอสซีจี เมืองทองฯ : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ 7, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา 6, ธีราทร บุญมาทัน 7, นาโออากิ อาโอยามะ 6, สารัช อยู่เย็น 5.5 (ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร - แทน น.85), เฮเบอร์ตี้ แฟร์นันเดซ 8, อดิศักดิ์ ไกรษร 5.5 (ธีรศิลป์ แดงดา 5.5 แทน น.70), ชาริล ชัปปุยส์ 6, อดิศร พรหมรักษ์ 6, เซลิโอ ซานโตส 6, เลอันโดร อัสซัมเซา 6 (สิโรจน์ ฉัตรทอง -  แทน น.80)

โบซิดาร์ บันโดวิช เฮดโค้ชบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด - ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับเมืองทอง ที่พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ต้องยอมรับว่าวันนี้เมืองทอง มาเน้นตั้งรับลึกทำให้เราหาช่องเจาะเช้าไปค่อนข้างลำบาก จริงๆแล้งเกมนี้เราเองก็เล่นกันได้ดีกว่า แต่ก็อย่างว่าฟุตบอลการที่เราเล่นได้ดีกว่สไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป เราเองก็คงต้องกลับไปโฟกัสในลีก

"โค้ชแบน"ธชตวัน ศรีปาน กุนซือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด - เกมนี้ก็เป็นที่สนุกและกดดันตลอดเวลา ก่อนมาเล่นเกมนี้ก็ต้องยอมรับเราเองมีสถิติที่เป็นรองบุรีรัมย์ โดยเกมนี้เราเน้นไปที่ตั้งรับและเล่นลูกโต้กลับ ก็ต้องขอชื่นชมลูกทีมทุกคนที่เล่นกันด้วยความอดทนจนมาได้ประตูนำและทำให้เราเล่นง่ายมากขึ้นและทำให้บุรีรัมย์ต้องเปิดเกมรุกก่อนที่เราจะมาได้ประตูที่สอง ก็ยินดีกับลูกทีมทุกคนที่เก็บชัยชนะในเกมนี้