"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ อาจจัดทีมผสมเพราะเข้ารอบไปแล้ว โดย เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" น่าจะได้ลงนำล่าตาข่าย เกมรับ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ) คืนวันอังคารที่ 21 พ.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : BeIN Sports2, เวลา : 02.45 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ)
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)  -  เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์)
ถ่ายทอดสด : BeIN Sports2, เวลา : 02.45 น.

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ ''เรือใบ'' แมนฯ ซิตี้ เกมล่าสุดบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับยึดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเหนียวแน่น ส่วนถ้วย ชปล. ชนะรวด 4 เกมเข้ารอบไปแล้ว และจะยึดอันดับ 1 กลุ่มถ้าชนะ และ ชัคตาร์ ไม่ชนะนาโปลี  หรือถ้า ซิตี้ เสมอ และ ชัคตาร์ แพ้

สภาพทีมเกมนี้ เป๊ป จะได้ตัว นิโกลัส โอตาเมนดี้ พ้นโทษแบนจากเกมลีก แต่สวนทางกับ จอห์น สโตนส์ กองหลังตัวเก่ง ที่เจ็บเอ็นกล้ามเนื้อต้นขาจากเกมล่าสุด ต้องพัก 6 สัปดาห์เต็มๆ ทำให้ โอตาเมนดี้ จะได้ยืนคู่กับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ คาดว่าจะปรับหลายตำแหน่งหลังชิงเข้ารอบไปก่อน และมีเกมหนักๆ ในลีกตัวเองรออยู่เพียบ นักเตะสำรองอย่าง เคลาดิโอ บราโว่, ดานิโล่, เอเลียควิม ม็องกาล่า, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ยาย่า ตูเร่ และ อิลคาย กุนโดกัน จะได้รับโอกาสมากขึ้น ขณะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' จะคืนตัวจริงหลังเกมที่แล้วไม่ได้เล่น

ด้าน โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ เทรนเนอร์ของ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม ไม่ค่อยพอใจเท่าไรกับผลงานล่าสุดที่ทำได้เพียงแค่เสมอ วีวีวี เวนโล่ 1-1 ในบ้าน ส่วนเกมนี้จะยังคงเล่นเต็มที่ แม้ 4 นัดที่ผ่านมาไม่มีแต้มและตกรอบแล้ว โดยจะจบอันดับ 4 ด้วยถ้าพวกเขาเสมอ และนาโปลี ชนะ หรือ ถ้าแพ้ และ นาโปลี ไม่แพ้

สภาพทีมตอนนี้ต้องปราศจากตัวเดิมๆ  เอริค บ็อตเตกิ้น กองหลังคนสำคัญ, ยาน-อารี ฟาน เดอ ไฮเด้น เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักอีกคน ที่เจ็บยาวอยู่แล้ว ยังไม่พร้อมช่วยทีม แต่จะได้ เรนาโต้ ทาเปีย ตัวทีมชาติเปรู ชุดผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 คืนทีมอีกครั้ง

ตัวหลักชุดเดิมเลย ทอนนี่ วิลเฮน่า, คาริม เอล อาห์มาดี้, โซเฟียน อัมราบัต ประสานงานแดนกลาง  ฌอง-ปอล โบเตอุส, นิโกไล ยอร์เกนเซ่น และ สตีเว่น แบร์กุส คอยสร้างสรรค์เกมรุกล่าตาข่าย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เคลาดิโอ บราโว่  - ดานิโล่, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอเลียควิม ม็องกาล่า (ฟาเบียน เดลฟ์) - อิลคาย กุนโดกัน,  ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา - ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'', แบร์นาร์โด้ ซิลวา
ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า  
 
เฟเยนูร์ด (4-3-3) :  แบรด โจนส์ - บาร์ต นิวคูป, เควิน ดิ๊คส์, เฌเรมี่อา ยุสเต้, ริดเจชาโน่ ฮัปส์ - ทอนนี่ วิลเฮน่า, คาริม เอล อาห์มาดี้, โซเฟียน อัมราบัต - ฌอง-ปอล โบเตอุส, นิโกไล ยอร์เกนเซ่น, สตีเว่น แบร์กุส
เทรนเนอร์ :  โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์

ผู้ตัดสิน : อีวาน ครูซิลัค (สโลวาเกีย)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เรือใบชนะรวด 4 เกม เข้ารอบไปแล้ว ซึ่งเกมแรกที่ไปเยือน เฟเยนูร์ด ก็ถล่มถึง 4-0
- ซิตี้จะยึดอันดับ 1 กลุ่ม ถ้าชนะ และชัคตาร์ไม่ชนะนาโปลี หรือถ้าซิตี้เสมอ และชัคตาร์แพ้
- เฟเยนูร์ดไม่มีแต้มและตกรอบแล้ว โดยจะจบอันดับ 4 ด้วยถ้าพวกเขาเสมอ และนาโปลีชนะ หรือถ้าแพ้ และนาโปลีไม่แพ้
- ซิตี้ชนะ 2 จาก 3 เกมในบ้าน ถ้าเสมอกับสโมสรจากฮอลแลนด์ โดยอีกเกมเป็นการเสมอ
- ซิตี้ไม่แพ้ใครใน 12 เกมหลังสุดในบ้านศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก (ชนะ 9, เสมอ 3) ซึ่งปีก่อน ในบ้านได้ 7 แต้ม โดยพวกเขาได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก 7 หนติด และเข้ารอบ 16 ทีม 5 หนติดแล้ว เพียงแต่ซีซั่นก่อนเข้าเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม แล้วไปแพ้ต่อโมนาโก ในรอบ 16 ทีม
- เฟเยนูร์ดสถิติเจอกับทีมจากอังกฤษ คือ ชนะ 2, เสมอ 3, แพ้ 5 ซึ่งตอนนี้แพ้ 3 จาก 4 หนหลังที่ไปเยือน ซึ่งหนสุดท้ายที่ชนะในรายการนี้ เกมเยือน คือ 1-0 เหนือนิวคาสเซิ่ล เมื่อ 24 กันยายน 2002