มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก ระบุ ตัดสินใจบอกลาการทำหน้าที่ใน พรีเมียร์ลีก หลังจากที่โดน โชเซ่ มูรินโญ่ จวกเรื่องที่ไม่ยอมให้ "ปีศาจแดง" ได้แฮนด์บอลในเกมที่ทีมของ มูรินโญ่ เจ๊ากับ สโต๊ค เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่จริงๆ แล้วจังหวะนั้นตนตัดสินได้ถูกต้อง

มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก อดีตกรรมการคนดังของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าตนตัดสินใจเลิกทำหน้าที่ในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีหลังจากที่โดน โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตำหนิการตัดสินอย่างหนักเมื่อฤดูกาลก่อน

ในเกมลีกนัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอ สโต๊ค ซิตี้ 1-1 เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น มันมีจังหวะหนึ่งที่ มูรินโญ่ มองว่าผู้เล่นของ สโต๊ค ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ แต่ที่จริงบอลมันโดนหน้าอกของนักเตะรายดังกล่าว ซึ่ง แคล็ตเท่นเบิร์ก ก็ไม่ได้เป่าลูกจุดโทษให้ "ปีศาจแดง" และมันก็ทำให้กุนซือชาวโปรตุกีสไม่พอใจมากๆ จนถึงขนาดบุกเข้าไปด่าเชิ้ตดำในห้องแต่งตัว

แคล็ตเท่นเบิร์ก ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าผู้ตัดสินของสหพันธ์ฟุตบอลซาอุดิอาระเบียนั้น กล่าวว่า "ตอนนั้นผมทำหน้าที่ในเกมที่ เวย์น รูนี่ย์ ทำลายสถิติของ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้ มูรินโญ่ เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของผม และไม่พอใจที่ผมไม่ให้ลูกจุดโทษกับทีมของเขาในจังหวะที่เขามองว่ามีการทำแฮนด์บอล วันนั้นเป็นวันที่โหดร้าย ผมต้องเดินออกจากสนามที่ สโต๊ค ซึ่งปกติก็เป็นสนามที่หนาวที่สุดอยู่แล้ว มันเป็นสนามที่เปียกและมีสภาพที่ค่อนข้างเลวร้าย แถมการตัดสินเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เคยเป็นงานง่ายด้วย"

"วันนั้นผมรู้สึกมั่นใจมากๆ ว่าตัวเองตัดสินได้ดี แต่แล้วเขาก็เข้ามาในห้องแต่งตัวของผม พร้อมตำหนิการตัดสินของผมที่ไม่เป่าว่าเป็นจังหวะแฮนด์บอลทั้งที่บอลมันโดนหน้าอกของผู้เล่นแบบชัดเจน ที่จริงผมรู้ดีว่าตัวเองตัดสินได้ถูกต้องแล้ว แต่เขาก็ทำให้ผมเกิดความลังเลจนได้"

"ผมขับรถกลับบ้านเป็นระยะทาง 250 ไมล์ พร้อมกับคิดว่าผมอาจจะทำพลาดครั้งใหญ่ไปซะแล้ว ภรรยาของผมรู้เรื่องทัศนคติของผมดี และผมก็คิดกับตัวเองว่า -นี่ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของเกมระดับนี้อีกงั้นเหรอ ? ฉันอยากลงตัดสินจริงๆ รึเปล่า ?- ผมประเมินความรู้สึกของตัวเองแล้วก็พบว่าผมไม่รู้สึกสนุกเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว และผมก็ตัดสินใจเลิกทำหน้าที่ในเกม พรีเมียร์ลีก ตอนที่ผมได้รับโอกาสกับ ซาอุดิอาระเบีย เนี่ย ผมตัดสินใจตอบรับแบบไม่ต้องคิดมากเลย" เชิ้ตดำที่เคยลงเป่าเกมนัดชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2016" มาแล้ว ระบุ