"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล คว้าสามแต้มสำคัญได้สำเร็จหลังเปิดรังเฉือนชัยหยุดสถิติไม่แพ้ใครในลีก 22 นัดของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูง 4-3 ส่งผลให้มีคะแนนขึ้นไปเท่า แมนฯ ยูฯ รองฝูงเป็นรองแค่ผลต่างประตูได้เสียเท่านั้น และ ยังแซง เชลซี ขึ้นไปรั้งที่ 3 อีกด้วย ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค. ที่่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561
ลิเวอร์พูล 4   -   3 แมนฯ ซิตี้

สนาม : แอนฟิลด์
เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์อียิปต์ ฟิตกลับมาประสานงานเกมรุกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ด่านสุดท้ายส่ง ลอริส คาริอุส ลงเฝ้าเสา ฟาก แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า กลับมาใช้ชุดใหญ่เต็มสูบ  เอแดร์ซอน โมลาเอส, ไคล์ วอล์คเกอร์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดล์ฟ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ต่างคืนตัวจริง

เขี่ยบอลถึงนาทีที่ 9 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เริงร่ากันทั่วสนาม โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไหลบอลให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กระชากขึ้นมายิงหน้าเขตโทษส่งบอลเรียดเสียบมุมเด็ดขาด ลิเวอร์พูล ออกนำ 1-0

รูปเกมของ ซิตี้ ไม่ได้เหนือกว่าเจ้าถิ่นและนาที 31 ต้องเปลี่ยนผู้เล่นถอด ฟาเบียน เดลฟ์ ที่เจ็บออก และส่ง ดานิโล่ ลงมาแทน

ทีมเยือนจ่าฝูงได้ทักทายจังๆหนแรก เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" เก็บบอลไหลคืนให้ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงจากนอกเขตโทษไม่ผ่านมือ ลอริส คาริอุส ล้มตัวรับได้ทัน

ถัดมา หงส์แดง ได้โอกาสลุ้นหนีห่าง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ไหลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เลี้ยงแต่งหาช่องเข้าไปยิงตรงตัว เอแดร์ซอน โมราเอส

ก่อนจบครึ่งแรก 5 นาที แมนฯ ซิตี้ ตามตีเสมอ 1-1 ไคล์ วอล์คเกอร์ วางบอลยาวข้ามฟาก โจ โกเมซ ดักจังหวะพลาดถึง ลีรอย ซาเน่ เอาบอลลงแล้วกระชากเข้าเขตโทษไปอัดด้วยซ้ายเสียบเสาแรกเด็ดขาด โดย คาริอุส ปิดมุมเสาแรกพลาดจังหวะนี้ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เสมอ แมนฯ ซิตี้ อยู่ 1-1

กลับลงสนามมาสู้กันต่อ 6 นาที เรือใบสีฟ้า หวิดพลิกแซงนำ ลีรอย ซาเน่ เปิดลูกเตะมุมเข้าเขตโทษ นิโกลัส โอตาเมนดี้ เทกขึ้นโหม่งบอลไปชนคานเต็มๆน่าเสียดาย

นาที 59 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮสนั่นอีกครั้ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แทงบอลเรียดขึ้นหน้า จอห์น สโตนส์ ลังเลรอบอลจนถูก โรแบร์โต่ ฟีร์มีโน่ บีบมาชิงเหลี่ยมแย่งบอลก่อนชิพผ่านมือ เอแดร์ซอน ไปชนเสาในเข้ประตูเด็ดขาด ลิเวอร์พูล ออกนำ 2-1

ลิเวอร์พูล ได้ใจเดินหน้าบุกต่อจนมาหนีห่าง 3-1 จากจังหวะที่แข้งทีมเยือนถูกบีบรุมแย่งบอลแล้วเป็น ซาลาห์ ไหลให้ มาเน่ จับบอล
แล้วกดด้วยซ้ายเสียบมุมเข้าไปสุดเด็ดขาด

ทีมเยือนต่อเกมกันไม่ติดจนมาโดนเพิ่มอีกนาที 68 ครั้งนี้ เอแดร์ซอน ทำพลาดเตะบอลทิ้งไปเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงสวนจากหน้าเขตโทษข้าม เอแดร์ซอน เข้าไปตุงตาข่าย ลิเวอร์พูล หนีไกล 4-1

ก่อนจบเกม 6 นาที แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูไล่มา 2-4 อิลคาย กุนโดกัน ลากบอลตะลุยขึ้นมาจ่ายแฉลบแผงหลังเจ้าบ้านเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ตัวสำรอง ยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรกเด็ดขาด

เท่านั้นไม่พอช่วงทดเจ็บ 90+1 เรือใบสีฟ้า ไล่จี้ขึ้นมา 3-4 เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" เก็บบอลมาตักไปให้ อิลคาย กุนโดกัน เอาบอลลงแล้วยิงโล่งๆไม่เหลือ

ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายแฟนบอลเจ้าถิ่นหวิดช็อกเมื่อ ซิตี้ ได้ฟรีคิกริมเส้นเปิดเข้ามาให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" สอดมาทิ้งตัวโหม่งหลุดเสาแรกไม่ถึงคืบ จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 4-3 ยัดเยียดความปราชัยเกมแรกให้แก่ลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

จากสามแต้มสำคัญส่งผลให้ ลิเวอร์พูล แซงเชลซีขึ้นไปรั้งที่ 3 และะคะแนนเท่ากับ แมนฯ ยูฯ รองฝูง ที่ 47 แต้ม เป็นรองแค่ผลต่างประตูได้เสียเท่านั้น

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เอ็มเร่ ชาน (เจมส์ มิลเนอร์ น.79), จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อดัม ลัลลาน่า น.88), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ (รักนาร์ คลาวาน น.90+4)
สำรองไม่ได้ใช้ : ซิมง มิโญเล่ต์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แดนนี่ อิงส์, โดมินิค โซลันกี้

แมนฯซิตี้ : เอแดร์ซอน โมลาเอส, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดล์ฟ (ดานิโล่ น.31), เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นานดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิง (แบร์นาร์โด้ ซิลวา น.71), เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน", ลีรอย ซาเน่
สำรองไม่ได้ใช้ : เคลาดิโอ บราโว่, เอเลียควิม ม็องกาล่า, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, บราฮิม ดิอาซ, ดาบิด ซิลบา

 ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์