จบเกมลงไปแบบสกอร์ที่ห่างกันพอสมควร รวมผลสองนัด บาร์เซโลน่า เอาชนะไปได้ 4-1 ซึ่งประเด็นหลังเกมมีอะไรให้พูดถึงพอสมควร ไปชมกันได้เลย

1. นี่คือทีมที่บัลเบร์เด้ต้องการ

ช่วงเริ่มต้นฤดูกาล เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องของแบบแผนการเล่น ที่ปรับสไตล์ของทีม จนทำให้ช่วงแรกๆผลงานของทีมออกมาไม่ดีนัก

 จนสุดท้าย แผนการเล่นมาลงตัวที่ระบบ 4-4-2 โดยให้ ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่กันเป็นกองหน้า อย่างไรก็ตาม ตัวหลักที่เพิ่งซื้อมาคือ อุสมาน เดมเบเล่ ได้รับบาดเจ็บจนพักยาว และเพิ่งหายกลับมาคืนสนามได้เมื่อไม่นานนี้

 การกลับมาของปีกดาวรุ่งฝรั่งเศส ทำให้ระแบบของบัลเบร์เด้ ลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยมีมิดฟิลด์คู่กลางที่สุดกล่อมอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ต และ อิวาน ราคิติช โดยอันเดรส อิเนียสต้า ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเกมนี้ รวมถึง เดมเบเล่ ที่ยืนกราบขวา ซึ่งบัลเบร์เด้ สามารถใช้ประโยชน์จากเด็กหนุ่มรายนี้ ได้สูงสุด

 ซึ่ง 11 ตัวจริงที่ลงสนามในเกมนี้ อาจบอกได้ว่านี่คือทีมที่ดีสุดของบัลเบร์เด้ เลยก็ว่าได้

2. สิงห์บลูส์ ใจสู้แต่..

การเสียสองประตูในช่วง 20 นาทีแรก ให้กับบาร์เซโลน่า ในคัมป์นู เป็นเรื่องยากที่จะกลับคืนสู่เกม อย่างไรก็ตาม หากไม่มองผลที่สกอร์บอร์ด ต้องบอกว่า คุณภาพของเชลซีในเกมนี้ ต้องน่าชื่นชมเลยทีเดียว

ทีมเชลซี ในเกมนี้ ต่อสู้กับบาร์ซ่า ได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะ วิลเลี่ยน ที่เป็นเหมือนหัวใจหลักในแนวรุกโดยมี มาร์กอส อลอนโซ่ และ วิคเตอร์ โมเสส คอยขับเคลื่อนเกมด้านข้าง และถึงแม้จะทำเกมรุกได้แต่สิงห์บลูส์ไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นได้เลย

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ทำให้พวกเขาต้องน้ำตาตกร่วงตกรอบไป ซึ่งการมีใจสู้อย่างเดียวคงไม่พอแต่ต้องมีความละเอียดในเกมมากกว่านี้

3. พลาดเล็กๆน้อยๆจนพาทีมสู่หายนะ

ต่อเนื่องจากข้อ 3 เริ่มจากในเกมรุกก่อน ทั้ง อาซาร์, วิลเลี่ยน, โมเสส, และ อลอนโซ่ มีโอการเข้าสู่พื้นที่หน้าประตูของบาร์เซโลน่าแต่จังหวะสุดท้ายกลับทำได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ พวกเขาควรจะได้ลูกจุดโทษเมื่อ วิงแบ็กสแปนิช โดน เคราร์ด ปีเก้ ผลักในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับมองข้าม จนเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเกม

 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ดูจะไม่มีวิญญาณเพชรฆาตอยู่ในตัว แต่คนที่น่าจะฝันร้ายที่สุดคงจะเป็น ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ลูกแรกเขาปล่อยให้ลูกยิงของ เมสซี่ เข้าประตู โดยที่เขาควรจะทำได้ดีกว่านี้ในการยืนปิดเสาแรก และในลูกที่สามก็ยังปล่อยให้บอลลอดขาเป็นครั้งที่สอง แถมยังจ่ายบอลพลาดจนทีมเกือบเสียประตูเพิ่ม

 4. บาร์ซ่าที่คุ้นเคย เพิ่มเติมด้วยเกมรับ

 ในขณะที่เชลซี กำลังเหน็ดเหนื่อยหลังเป็นฝ่ายทำเกมบุกใส่บาร์เซโลน่า เจ้าถิ่นก็อาศัยเกมสวนกลับคอยเล่นงานใส่ผู้มาเยือน อยู่เรื่อยๆ

 แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำได้ดีนั่นก็คือ เกมรับอันยอดเยี่ยมที่บัลเบร์เด้ ได้สร้างเอาไว้ อดีตกุนซือแอธเลติก บิลเบา เข้ามาปรับจูนแนวรับของทีมให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ต่างกับกุนซือรายอื่นๆก่อนหน้านี้

ทั้ง เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้ รวมถึง มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากในฤดูกาลนี้ จนสามารถพาทีมให้บินสูงได้จนถึงขนาดนี้

5. ลิโอเนล เมสซี่ แข้งเหนือมนุษย์

 อย่างที่ทราบกันมาก่อนหน้านี้ว่า 8 เกมแรกที่ เมสซี่ เจอกับเชลซี เขาไม่สามารถทำประตูใส่สิงห์บลูส์ได้เลย แต่สุดท้ายเมสซี่ ก็มาพังประตูใส่ยอดทีมจากลอนดอนได้สำเร็จ ในเกมที่แล้ว

ส่วนในเกมนี้ หลังจากเขี่ยบอลได้เพียง 2 นาที กับอีก 8 วินาที เมสซี่ ก็ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายลอดขา นายด่านชาวเบลเจี้ยน และลูกที่สองของเมสซี่ ก็เป็นการซัดบอลลอดขา กูร์กตัวส์ อีกเช่นกัน

สำหรับ สองประตูในเกมนี้ ยังทำให้เมสซี่ เป็นมนุษย์คนที่สองที่ทำประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ถึง 100 ประตู ต่อจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้

ไฮไลท์ลิขสิทธิ์บาร์เซโลน่า ชนะ เชลซี 3-0