แม้หลายลีกในยุโรปอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล แต่ก็ต้องหลีกทางให้กับโปรแกรมทีมชาติ หรือ ฟีฟ่า เดย์ ซึ่งเหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนศึกฟุตบอลโลก ที่ประเทศรัสเซีย ช่วงกลางปีนี้

อย่างไรก็ตาม แม้เกมลีกจะพักไปประมาณ 1 สัปดาห์ ช่วงระหว่างวันที่ 19-27 มีนาคม แต่บอกเลยว่าเกมกระชับหลายๆคู่ค่อนข้างสนใจเลยทีเดียว

วันที่ 23 มีนาคม

รัสเซีย-บราซิล  เวลา 23.00

"หมีขาว" รัสเซีย เจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีคิวรับมือ บราซิล ที่ไร้เนย์มาร์ในทีมชุดนี้ น่าสนใจว่าทัพเซเลเซาในวันที่ไร้ดาวยิงตัวเก่งจะรักษาฟอร์มที่ดีต่อเนื่องได้หรือไม่ ซึ่งแมตช์นี้จะเป็นการทดสอบการเล่นกับสภาพอากาศในประเทศรัสเซีย ของบราซิลอีกด้วย

อิตาลี-อาร์เจนติน่า เวลา 02.45

แม้อิตาลี จะไม่ได้ร่วมศึกบอลโลก แต่พวกเขาก็เป็นชาติยักษ์ใหญ่ของโลกเสมอ ลุยจิ ดิ เบียโจ้ เทรนเนอร์ขัดตาทัพ ต้องทดสอบผู้เล่นหน้าใหม่หลายราย ทั้ง เฟเดริโก้ เคียซ่า, พาทริค คูโตรเน่, ซิโมเน่ แวร์ดี้ และอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์คือ จานลุยจิ บุฟฟ่อน กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ประกาศอำลาทีมชาติไป

ฮอลแลนด์-อังกฤษ เวลา 02.45

อีกหนึ่งชาติยักษ์ใหญ่ที่ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก อัศวินสีส้ม ผ่องถ่ายสายเลือดใหม่ โดยโรนัลด์ คูมัน ต้องสร้างทีมขึ้นมาใหม่ด้วยผู้เล่นดาวรุ่ง ซึ่งชื่อของ จัสติน ไคลเวิร์ต วอนเดอร์คิด แห่งวงการลูกหนังดัตช์ มีชื่อติดทีมชาติเป็นครั้งแรก

ส่วนอังกฤษ เรียกผู้เล่นหน้าใหม่แต่ฟอร์มดีหลายราย แต่ประเด็นคือตำแหน่งผู้รักษาประตูที่แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกนายด่านถึง 4 รายติดในทีมชุดนี้

เยอรมนี - สเปน 02.45

สองชาติมหาอำนาจลูกหนังยุโรป ในช่วง 10 ปีหลัง  โยอาคิม เลิฟ ตัดสินใจไม่เรียก มาริโอ เกิธเซ่ และ มาร์โก รอยส์ ในทีมชุดนี้ โดยเรียก มาริโอ โกเมซ กองหน้าตัวเก๋าเข้ามา ฆูเลน โลเปเตกี ตัดชื่อของอัลบาโร่ โมราต้า ออกจากทีมกระทิงดุ

วันที่ 26 มีนาคม

โปรตุเกส-ฮอลแลนด์ เวลา 01.30

"ฝอยทอง" ยังคงมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นแกนหลัก และต้องเตรียมความพร้อมก่อนฟุตบอลโลก เพื่อสานต่อความสำเร็จจากยูโร 2014

วันที่ 27 มีนาคม

รัสเซีย-ฝรั่งเศส เวลา 22.50

ฝรั่งเศส ประกอบไปด้วยแนวรุกที่จัดจ้านหลายตัว ซึ่งชุดนี้เรียกฮีโร่ของเซบีย่า อย่าง วิสเซอร์ เบน เยดแดร์ มาติดทีมชาติเป็นครั้งแรก

อังกฤษ-อิตาลี เวลา 01.00

สองชาติที่ตัวผู้เล่นชุดนี้อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูกันมากนัก แต่ก็เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้

สเปน-อาร์เจนติน่า เวลา 01.00

อาร์เจนติน่า แน่นอนว่ามีลิโอเนล เมสซี่นำทัพ ซึ่งจะต้องออกไปเยือนถึงแดนกระทิงดุ รับรองว่ามันแน่นอน

เยอรมนี-บราซิล เวลา 01.45

ปิดท้ายด้วยคู่เอก สองทีมที่คว้าแชมป์โลกรวมกัน 9 สมัย(เยอรมนี 4 ครั้ง บราซิล 5 ครั้ง) จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจเลยทีเดียว  อีกทั้งยังเป็นการรีแมตช์ รอบรองชนะเลิศ ปี 2014 ที่บราซิล พ่าย อินทรีเหล็กไป 1-7