ลูกทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกต พลาดโอกาสเก็บชัยชนะสองนัดติดต่อกัน หลังเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมให้แก่ทีมชาติอิตาลี โดยหลังจบช่วงฟีฟ่า เดย์ เราเห็นอะไรบ้างจากสองเกมที่ผ่านมา

1. สเตอร์ลิ่ง ฉายแววอีกครั้ง

หากไม่เกิดอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรงกับราฮีม สเตอร์ลิง แน่นอนว่าเขาจะมีชื่อติดไปฟุตบอลโลก 100%

สเตอร์ลิ่งคือหัวใจในแนวรุกของสิงโตคำราม ความเร็วและความคล่องตัว สามารถปั่นป่วนแนวรับของอิตาลีได้อย่างราบคาบ

2. ตำแหน่งของไคลน์ วอล์คเกอร์

เดิมที ตำแหน่งที่ถนัดที่สุดของ วอล์คเกอร์คือยืนแบ็คขวา หรือวิงแบ็คฝั่งขวา แต่จากสองเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา เซาธ์เกต จับดาวเตะเรือใบสีฟ้า ไปยืนเป็นปราการหลัง 3 คน ซึ่งผลที่ออกมาเจ้าตัวทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการตัดบอลและการใช้ความเร็วในเกมแย่งชิงพื้นที่กับกองหน้าฝ่ายตรงข้าม

โดยวิงแบ็คฝั่งขวา เป็นหน้าที่ของ คีแรน ทริปเปียร์ ซึ่งมีความเร็วอยู่แล้วและที่สำคัญคือครอสบอลได้หวังผลกว่าวอล์คเกอร์

3. วาร์ดี้ จองตั๋วไปรัสเซีย

ศูนย์หน้าจากเลสเตอร์ ซิตี้ คือตัวเลือกอันดับสองรองจากแฮร์รี่ เคน จุดเด่นของวาร์ดี้คือความเร็วและการทำประตูที่เฉียบคม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงคู่แข่งที่เป็นบิ๊กทีมไม่ว่าทั้งสโมสรหรือทีมชาติ ซึ่งทีมอย่างสเปน, เยอรมนี, รวมถึง อิตาลี ในเกมล่าสุด ก็โดนเขาเจาะตาข่ายมาหมดแล้ว

ด้วยฟอร์มอย่างนี้ เชื่อว่าวาร์ดี้ จะมีชื่อไปฟุตบอลโลกแน่นอน

4. ลินการ์ด ฟอร์มดีต่อเนื่อง

เจสซี่ย์ ลินการ์ด มีส่วนร่วมกับทั้งสองประตูของทีมชาติอังกฤษทั้งสองนัด ซึ่งสองเกมที่ผ่านมา เขาทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของเขาทับซ้อนกับ เดเล่ อัลลี โดยตรง ซึ่งจุดนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องคิดหนักว่าจะเลือกใครเป็น 11 คนแรก

5. เสียประตูแรกในรอบ 5 เกม

ภายใต้การทำทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกต มีจุดแข็งที่เกมรับที่เสียประตูยากมาก ซึ่ง 5 เกมก่อนหน้านี้ พวกเขาเก็บคลีนชีตได้หมด ถึงขนาดว่าทีมที่มีเกมรุกจัดจ้านอยาก เยอรมนี และ บราซิล ยังไม่สามารถเจาะประตูได้

อย่างไรก็ตาม เกมล่าสุดสิงโตคำรามต้องพลาดท่าเสียประตูจากลูกจุดโทษของลอเรนโซ่ อินซิเญ่ โดยมาจากความไม่ละเอียดของเจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ซึ่งเจ้าตัวจะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้