กลายเป็นเรื่องช็อควงการฟุตบอลเอเชียเมื่อสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นประกาศปลดกุนซือแบบฟ้าผ่าทั้งที่เหลืออีกเพียงแค่สองเดือนก็จะต้องบินไปทำศึก ฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย โดยผู้ที่มาแทน วาฮิด ฮาลิลฮอดซิด กุนซือชาวบอสเนียก็คือกุนซือสายเลือดซามูไร อากิระ นิชิโนะ วัย 63 ปีที่ลงจากตำแหน่งประธานฝ่ายเทคนิคมารับหน้าที่กุนซืออย่างเต็มตัว

ชื่อของกุนซือรายนี้อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนักแต่ผลงานเก่าๆ ของเขาถือว่าไม่ธรรมดา ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลรุ่นดึกคือการที่เขาพาทีมชาติญี่ปุ่นกำชัยเหนือ บราซิล แบบช็อกโลก 1-0 ในการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ 1996 ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งที่ทัพแซมบ้าชุดนั้นประกอบไปด้วยสุดยอดดาวดังมากมาย อย่างเช่น โรนัลโด้, ริวัลโด้, เบเบโต้, จูนินโญ่, โรแบร์โต้ คาร์ลอส ชัยชนะพลิกล็อคครั้งนั้นถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปาฏิหาริย์แห่งไมอามี่” ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่ทั้งสองทีมลงดวลแข้งกัน

นิชิโนะ เคยติดทีมชาติญี่ปุ่น 12 นัด หลังจากแขวนสตั๊ดเขาเปลี่ยนบทบาทมาเป็นกุนซือ เขาคุมทีมชาติญี่ปุ่นชุดยู-20 และชุดยู-23 ซึ่งทำผลงานช็อคโลกที่อเมริกา หลังจากนั้นเขาคุมทีม กัมบะ โอซาก้า เป็นเวลาถึง 10 นับตั้งแต่ปี 2002 พาทีมคว้าแชมป์เจลีกในปี 2005 รวมถึงได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมในปีนั้นด้วย ก่อนที่ในปี 2008 จะพาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ เอเชี่ยน คลับ แชมเปี้ยนชิพ ในขณะนั้น ซึ่ง นิชิโนะ บอกว่าเป็นการบรรลุสุดยอดเป้าหมายในชีวิตการเป็นกุนซือของเขาแล้ว ในรายการ คลับ เวิล์ดคัพ เขาพาลูกทีม กัมบะ โอซาก้า ดวลกับยอดทีมแห่งอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายสู้ความแกร่งของทีมปีศาจแดงที่มีทั้ง โรนัลโด้, รูนี่ย์, กิ๊กส์ ไม่ได้พ่ายไป 5-3 นอกจากนี้เขายังเคยคุมทีมใน เจลีก มาแล้วหลายทีมทั้ง นาโงย่า แกรมปัส, คาชิว่า เรย์โซล และ วิสเซล โกเบ

อย่างไรก็ตามแท็คติคการทำทีมของเขามักจะถูกวิจารณ์ว่าน่าเบื่อ เนื่องจากเน้นแต่การตั้งรับเหนียวแน่นและเกมโต้กลับ แต่อย่างไรก็ตาม ทีมชาติญี่ปุ่นใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ก็เป็นที่น่าจับตาอย่างมากว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนภายใต้การคุมทีมของกุนซือในประเทศทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาใช้บริการแต่กุนซือต่างชาติมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา