ไม่มีพลิกโผแต่อย่างใด สำหรับพีเอฟเอ อวอร์ดส์ ในปี 2018 ที่ "โมฮัมเหม็ด ซาลาห์" ดาวเตะลิเวอร์พูล คว้ารางวัลนี้ไปครองจากผลงาน ยิง 31 ลูกในพรีเมียร์ลีก ช่วยหงส์แดงมีลุ้นจบท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้

 คำถามคือ มีเหตุผลใดบ้างที่ ซาลาห์ คู่ควรกับการโหวตของนักเตะทั่วอังกฤษ นี่คือ เหตุผลสำคัญ

1) ยิงถล่มทลาย ลุ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล

 ในฤดูกาลนี้ โม ซาลาห์ ยิงในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 31 ประตู ทำตัวเลขเทียบเท่ากับ อลัน เชียเรอร์ , คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ หลุยส์ ซัวเรซที่จำนวน 31 ประตูเท่ากัน (ในระบบลีกแข่ง 38 นัด)

 เขาเหลือเกมอีกสามนัด เหย้าเจอสโต๊ค เยือนเจอเชลซี และเหย้าเจอไบรท์ตัน ขอแค่มี 1 ลูกจากสามเกมนี้ ก็จะเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงถึง 32 ลูกในพรีเมียร์ลีกที่เล่นกัน 38 นัดทันที

 ส่วนสถิติยิงสูงสุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีกคือ 34 ลูก ทำโดยแอนดี้ โคล กับ อลัน เชียร์เรอร์ แต่ในตอนนั้นพรีเมียร์ลีกมี 22 ทีม และเล่นกันถึง 42 นัด

2) ไม่ใช่แค่ยิง แต่ยังแอสซิสต์คม

    นอกจากโม ซาลาห์ จะยิงมากที่สุดในลีกลิเวอร์พูลแล้ว เขายังทำแอสซิสต์มากที่สุดถึง 9 ครั้งอีกด้วย

    จะเห็นได้ว่า เขามีประโยชน์กับทีมในองค์รวม ไม่ใช่แค่เด่นเพราะยิงประตูอย่างเดียว แต่ส่วนร่วมกับเกม รวมถึงการเล่นเป็นทีมเวิร์กก็ยังโดดเด่นมาก

3) ยกระดับลิเวอร์พูล

 ย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว หงส์แดง คว้าอันดับ 4 ได้แบบต้องลุ้นกันจนถึงเกมสุดท้ายของฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลยกระดับขึ้นจากเดิม พวกเขามีลุ้นจนถึงที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ทั้งๆที่โปรแกรมการแข่งขันชุกยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ในปีที่แล้ว ลิเวอร์พูลไม่ต้องเตะเกมยุโรป แต่กว่าจะติดท็อปโฟร์ยังเหนื่อย แต่ปีนี้หงส์แดง ต้องลุยในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย แต่ในลีกก็ยังผลงานดีกว่าเดิม ซึ่งนักเตะคนที่เข้ามาเปลี่ยนทีม แน่นอนว่า คือโม ซาลาห์ เขายกระดับทีมให้พัฒนาขึ้นจากเดิมอย่างชัดเจน

4) เป็นตัวอย่างของความพยายาม

การโหวตพีเอฟเอ อวอร์ดส์ เป็นรางวัลที่เพื่อนนักเตะด้วยกัน ทำการโหวตให้ ซึ่งนั่นแปลว่า โม ซาลาห์ได้รับการยอมรับจากเพื่อนนักเตะบนแผ่นดินอังกฤษ โดยเรื่องฝีเท้า คงไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่อีกจุดหนึ่งที่ทำให้หลายคนเทใจโหวต เพราะซาลาห์คือตัวแทนของความพยายาม

ซาลาห์เคยมาค้าแข้งกับเชลซี ช่วงสั้นๆ แต่ก็ล้มเหลว ไม่ค่อยได้ลงสนาม จนต้องระเห็จไปอยู่ในอิตาลี กับฟิออเรนติน่า และโรม่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีพัฒนาการขึ้นแค่ไหน ซึ่งการไม่ยอมแพ้แม้เคยล้มเหลวมาแล้ว ทำให้เพื่อนนักเตะมีความประทับใจในตัวซาลาห์นอกเหนือไปจากเรื่องฝีเท้า

 5) สร้างสถิติแล้วสถิติเล่า

 นอกเหนือจากยิงประตูแล้ว โม ซาลาห์ ยังเตรียมสร้างสถิติใหม่ๆอีกมากมาย ยังไม่นับที่เขาทำลายไปเรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างเช่น กลายเป็นนักเตะแอฟริกาที่ยิงมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แซงหน้าดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานของเชลซี

คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา  รวมถึงพาอียิปต์ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 28 ปี  มีสถิติและรางวัลอีกมากมายที่รอซาลาห์ให้ทำลายอยู่ในอนาคต

6) ทำผลงานสม่ำเสมอมาก

 31 ประตูของซาลาห์ในพรีเมียร์ลีก และ 41 ประตูหากนับทุกถ้วยรวมกัน ทั้งหมดนี้ มีแฮตทริกแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือในเกมกับวัตฟอร์ด ที่เหลือเขายิงเกมละ 1-2 ลูก แสดงให้เห็นถึงระดับมาตรฐานที่ไม่เคยตก และเล่นได้ดีตลอดปี ไม่ใช่แค่ดีเป็นบางนัด

 ซาลาห์ทำสถิติคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก 3 ครั้งในฤดูกาลเดียว ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนด้วย

7) คู่แข่งจากแมนฯซิตี้กระจายความเด่น

ปีนี้แมนฯซิตี้เล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก และคว้าแชมป์ไปแบบไร้ผู้ต่อกร แต่สาเหตุที่ไม่มีนักเตะคนไหน ไปลุ้นรางวัลพีเอฟเอ อวอร์ดส์ เนื่องจากทุกคนเด่นพอๆกันหมด

เควิน เดอ บรอยน์ ก็เก่ง, ดาบิด ซิลบา, ลีรอย ซาเน่ , ราฮีม สเตอร์ลิ่ง , กุน อเกวโร่ แม้แต่นายทวารเอแดร์ซอน ก็ยอดเยี่ยม ซึ่งเมื่อเด่นรวมๆแบบนี้ มันทำให้ตัดสินใจยากว่าใครเก่งสุด ตรงข้ามกับลิเวอร์พูลที่มีซาลาห์เด่นออกมาที่สุด จึงได้รับคะแนนเสียงโหวตไปอย่างท่วมท้นแบบนี้