ถือเป็นเกมสนุกสุดมันส์จริงๆ ในเกมที่สเปนเสมอโปรตุเกส 3-3 ในฟุตบอลโลก 2018 กลุ่มบีเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเกมนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะสถิติของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสที่กดแฮตทริกได้ในเกมประเดิมสนาม

เราคัด 5 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมนี้มาฝากกัน.. 

สถานการณ์กลุ่มบีเปิดกว้าง ?

หลังผลการจับสลากแบ่งสายออกมาแน่นอนว่าทุกคนต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่าสเปน และโปรตุเกสจะเข้ารอบไปแบบไม่ยากเย็นนัก แต่ผลเสมอของทั้งสองทีมเมื่อคืนนี้ดูจะไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ ซึ่งในเกมนี้ต่างฝ่ายแลกกันหมัดต่อหมัดโปรตุเกสเองก็ไม่ได้เน้นตั้งรับและรอสวนกลับเพียงอย่างเดียว แต่พยายามเล่นเกมเร็วสู้กับสเปนอยู่ตลอดมันแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ต้องการเล่นเพื่อ 3 แต้มเท่านั้น 

จากผลเสมอในเกมนี้ทำให้สถานการณ์ในกลุ่มบีดูเปิดกว้างขึ้น หลังอิหร่านเก็บชัยชนะเหนือโมร็อคโกไปได้ก่อน 1-0 ทยานขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นการต่อลมหายใจให้กับโมร็อคโกที่มีโอกาสเข้ารอบต่อไปเพิ่มมากขึ้นแม้จะเป็นงานหินก็ตาม พร้อมกันนี้ยังทำให้ความกดดันตกไปอยู่กับสเปน และโปรตุเกสมากขึ้นกว่าเดิม

ลงเล่นเกมเดียวแต่โรนัลโด้ทำสถิติเพียบ!

    3 - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนแรกที่ซัด 3 ประตูใส่ สเปน ในเกมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย

    3 - โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนที่ 3 ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล โปรตุเกส ที่ยิงแฮตทริกในฟุตบอลโลก โดยก่อนหน้านี้เป็น ยูเซบิโอ (1966), เปโดร เปาเลต้า  (2002) 

    51 - หัวหอกเรอัล มาดริด ซัดแฮตทริกครั้งที่ 51 ตลอดอาชีพพ่อค้าแข้ง (ทั้งกับสโมสร และทีมชาติ) และยังเป็นแฮตทริกที่ 51 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

    33 - โรนัลโด้ เป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดที่ยิงแฮตทริกได้ในฟุตบอลโลก ด้วยวัย 33 ปีกับ 130 วัน

    45 - โรนัลโด้ ยิงประตูจากจังหวะฟรีคิกได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย จากความพยายามทั้งหมด 45 ครั้ง (ในฟุตบอลโลก และยูโร)

    4 - "โด้" เป็นนักเตะคนที่ 4 ที่ยิงประตูในการเล่นฟุตบอลโลก 4 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้ได้แก่ เปเล่, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ อูเว่ ซีเลอร์

    4 - สำหรับฟุตบอลโลก 4 ครั้งที่ โรนัลโด้ ยิงประตูได้ มีดังนี้

        - ปี 2006 ซัด 1 ประตู (โอกาสยิง 26 ครั้ง)

        - ปี 2010 ซัด 1 ประตู (โอกาสยิง 22 ครั้ง)

        - ปี 2014 ซัด 1 ประตู (โอกาส 22 ครั้ง)

        - ปี 2018 ซัด 3 ประตู (โอกาส 4 ครั้ง)

    8 - โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิงประตู 8 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ติดต่อกัน (ยูโร 2004, เวิลด์ คัพ 2006, ยูโร 2008, เวิลด์ คัพ 2010, ยูโร 2012, เวิลด์ คัพ 2014, ยูโร 2016 & เวิลด์ คัพ 2018)

โปรตุเกสต้องไม่พึ่งแต่โรนัลโด้

จะเห็นได้ว่าเกมนี้แนวรุกของโปรตุเกสไม่มีใครทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยหากไม่นับโรนัลโด้ที่กดแฮตทริกได้ โดยเฉพาะ กอนซาโล่ กูเอสเดส ปีกดาวรุ่งจากบาเลนเซียที่เกมนี้ถูกจับให้ยืนเป็นกองหน้าคู่กับโรนัลโด้แต่ก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้

รวมไปถึง แบร์นาโด้ ซิลบา หรือ บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ทำเกมรุกไม่ได้เลยส่งผลให้โรนัลโด้ต้องกลายเป็นผู้แบกภาระหนักไว้คนเดียว หากทัพฝอยทองต้องการที่จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบลึกจนถึงคว้าแชมป์ให้ได้ ในเกมใหญ่ๆแบบนี้อย่างน้อยต้องมีคนมาช่วยแบ่งเบาซุปตาร์จากเรอัล มาดริดบ้าง

อีสโก้ คีย์แมนสำคัญ

หากไม่นับ ดิเอโก้ คอสต้า ที่ต้องยกเครดิตให้เต็มๆหลังทำได้ 2 ประตูในเกมเมื่อคืนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า อีสโก้ คือหนึ่งในผู้เล่นของสเปนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ โดยเฉพาะการครอบครองบอลพร้อมโชว์สกิลหลอกล่อแนวรับของโปรตุเกสหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมีสไตล์การเล่นที่ใกล้เคียงกับอิเนียสต้าและน่าจะกลายเป็นตัวแทนในอนาคตของมิดฟิลด์จากวิสเซล โบ ได้ไม่ยาก

หากกองกลางจากเรอัล มาดริด ยังรักษาฟอร์มแบบเกมเมื่อคืนได้อย่างสม่ำเสมอศึกเวิล์ด คัพ ครั้งนี้ น่าจะทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างเต็มตัวที่จะกลายเป็นกำลังหลักในอนาคตของทีมชาติสเปนต่อไป 

สเปนเปลี่ยนโค้ชไม่มีผล

ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้นแฟนฟุตบอลหลายคนต่างกังวลว่าการที่สเปนตัดสินใจปลดฆูเลน โลเปเตกีออกจากตำแหน่งก่อนเริ่มบอลโลกเพียง 1 วัน เนื่องจากไม่พอใจที่กุนซือรายนี้แอบเจรจารับงานคุม เรอัล มาดริด ลับหลัง ซึ่งอาจทำให้สเปนชุดนี้อาจมีผลงานที่ดร็อปลงไป ก่อนจะแต่งตั้ง เฟอร์นานโด เอียโร่ ขึ้นมาคุมทีมแทน

อย่างไรก็ดีแท็คติก, สไตล์การเล่น และความมุ่งมั่นของนนักเตะยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างโดยจะมีเปลี่ยนแปลงแค่ตัวผู้เล่นบางตำแหน่งเท่านั้น หากดูฟอร์มโดยรวมเมื่อคืนแล้วพวกเขายังเป็นทีมที่น่ากลัวเหมือนเดิม