ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » แคสเปอร์เซฟไม่ไหว ซูบาซิชเจ๋งป้อง3เซฟ! โครเอเชียดับโทษเดนมาร์ก ลิ่วชนรัสเซีย8ทีม

แคสเปอร์เซฟไม่ไหว ซูบาซิชเจ๋งป้อง3เซฟ! โครเอเชียดับโทษเดนมาร์ก ลิ่วชนรัสเซีย8ทีม

Posted 02/07/2018 by siamsport

    โครเอเชีย พกดวงมาเต็มกระเป๋า หลังโดนนำตั้งแต่ไก่โห่ แต่ดวงเฮงได้ประตูตีเสมอแบบโชคช่วยจาก มาริโอ มานด์ซูคิช แม้ในช่วงต่อเวลาอีก 30 นาที จะได้โอกาสทองฝังเพชรได้จุดโทษ แต่ ลูก้า โมดริช ยิงไปโดน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เซฟได้อย่างสุดยอด ทำให้ต้องมาชี้ขาดลูกจุดโทษ ก่อน ดานิเยล ซูบาซิช จะกลายเป็นฮีโร่ตัวจริงโชว์ความเหนียวป้องกันถึง 3 เซฟ ก่อนพาทีมเอาชนะเดนมาร์กไปได้ 3-2 ลอยลำเข้าไปในรอบ 8 ทีมสุดท้ายดวลกับ รัสเซีย เจ้าภาพ

            ฟุตบอลโลก 2018
             รอบ 16 ทีมสุดท้าย
            วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2561
            โครเอเชีย 1  เดนมาร์ก 1
         (ต่อเวลาพิเศษ เสมอ 1-1 โครเอเชียชนะลูกจุดโทษ 3-2)

สนาม :  นิซนี่ นอฟโกรอด สเตเดี้ยม, (นิซนี่ นอฟโกรอด, รัสเซีย)

     ซลัตโก้ ดาลิช เทรนเนอร์คนสำคัญจัดเต็มส่ง  ลูก้า โมดริช กับ อิวาน ราคิติช ทำหน้าที่คุมแดนกลาง โดยมี มาริโอ มานด์ซูคิช ยืนหน้าเป้าพร้อมตะบันตาข่าย ขณะที่ เดนมาร์ก มาแบบเป็นรอง โดย อาเก้ ฮาไรเด้ นายใหญ่แดนโคนม ส่ง คริสเตียน เอริคเซ่น คอยบัญชาเกมในแผงมิดฟิลด์ และมี  ซิมอน เคียร์ แนวรับมากประสบการณ์ทำหน้าที่คุมแผงหลัง รวมทั้ง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่านจอมหนึบ

    เริ่มเกมได้ไม่ถึงนาที เดนมาร์ก ก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลูกทุ่มไกลโดย โธมัส เดลานี่ย์ โหม่งชนะแนวรับ โครแอต บอลทะลักไปที่ มาเธียส ยอร์เก้นเซ่น ตะบันระยะไม่กี่หลา และ ดานิเยล ซูบาซิช ปัดได้แต่ดันทะลักเข้าประตูเรียบร้อย

    หลังจากเสียประตู โครเอเชีย เดินเครื่องทันทีและเพียงแค่สองนาทีพวกเขาก็จัดการตีเสมอได้ จากจังหวะ ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ และ เฮนริค ดาลสการ์ด เตะสกัดไม่เคลียร์บอลกระดอนไปโดนศีรษะของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น และส้มหล่นใส่ มานด์ซูคิช จัดการซัดไม่เหลือซาก ทำให้สกอร์เสมอกัน 1-1

    เกมต้องกลับมาเริ่มกันใหม่และเป็น โครเอเชีย ที่เดินหน้าหวังเอาประตูขึ้นนำให้ได้ โดย น. 14 จากการต่อบอลอย่างรวดเร็ว ทำให้ทัพ "โคนม" ต้องทำฟาวล์บริเวณเส้นเขตโทษ และจังหวะนี้ โมดริช บรรจงปั่นฟรีคิกแต่โดน เคียร์ สกัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

    จอมทัพจากเรอัล มาดริด ยังคงปั่นป่วนแนวรับเดนมาร์กอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถเจาะเกมรับที่เหนียวแน่นของทัพ "โคนม" ได้ โดยช่วงเวลา "ตาหมากรุก" ครองเกมได้เหนือกว่าแบบเห็นได้ชัด

    เข้าสู่ น. 20โครแอต เปิดเกมบุกมาทางกราบขวาโดน อิวาน เปริซิช เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ และ มานด์ซูคิช โดน เฮนริค ดาลสการ์ด ล้มลง แต่ท่านเปาชาวอาร์เจนไตน์ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป จากนั้น น. 23 เดนมาร์ก ได้ลูกเตะมุม โดย เอริคเซ่น  เล่นสั้นกับ คริสเตนเซ่น และพยายามเปิดบอลเข้าไปแต่โดนบล็อกได้จาก ราคิติช

    เดนมาร์กได้โอกาสบุกบ้าง น. 27 จากการประสานงานระหว่าง เอริคเซ่น , อันเดรียส คอร์เนลิอุส และมาร์ติน เบรธเวท  โดยบอลหลุดมาที่ เบรธเวท ทางด้านมุมขวาของกรอบเขตโทษ แต่โดน ซูบาซิช  ป้องกันได้อย่างสุดยอด

    อีกสองนาทีต่อมา โครเอเชีย ตอบโต้บ้างเมื่อ ราคิติช ได้โอกาสซัดไกลระยะ 20 หลา แต่ ชไมเคิ่ล ยังไม่เผลอจัดการชกบอลออกไปได้ อย่างไรก็ตาม  น. 33 เอริคเซ่น มีโอกาสเปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ แต่แนวรับของโครเอเชียจัดการเคลียร์บอลไปได้ น. 35 คอร์เนลิอุส ได้บอลจากการเปิดยาวของ ชไมเคิ่ล ก่อนส่งให้ เอริคเซ่น ซึ่งตะบันด้วยเท้าซ้ายแต่บอลลอยออกข้างไปแบบไม่มีลุ้น

    น. 38 โครเอเชีย ได้ฟรีคิกจากฝั่งซ้ายโดย โมดริช ขันอาสารับหน้าเอง และเปิดบอลสุดงามไปที่ เดยัน ลอฟเรน ที่พุ่งตัวหวังโขกทำประตูแต่น่าเสียดายที่กองหลังลิเวอร์พูล ไปไม่ถึงบอลทำให้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายทั้งสองทีมยังคงสู้กันได้อย่างสูสี

    ผ่านมาสู่ น. 42 เอริคเซ่น โชว์ทักษะเหนือชั้นด้วยการบรรจงชิพบอลที่กรอบเขตโทษ บอลลอยละลิ่งไปที่หน้าประตูแต่น่าเสียดายที่บอลชนคานออกไปนิดเดียว น. 44 โครเอเชีย ตอบโต้คืนเมื่อ อันเต้ เรบิช ส่งบอลให้ ราคิติช ที่ซัดด้วยเท้าซ้าย แต่ ชไมเคิ่ล ล้มตัวรับบอลแบบไม่มีกระฉอก เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ 1 นาทีทั้งสองฝ่ายคุมเชิง และสุดท้ายกรรมการก็เป่าจบเกม

    เข้าสู่ครึ่งหลังรูปเกมยังคงเหมือนเดิม โครแอต ครอบเกม และเปิดเกมบุกตลอด ขณะที่ เดนมาร์ก รอหาจังหวะสวนกลับ โดยเกมผ่านไปเรื่อยๆ ทัพ "โคนม" แสดงให้เห็นว่าเกมรับของพวกเขาแข็งแกร่งดั่งภูผาหิน และใน น. 56 ยุสซุฟ โพลเซ่น  เปิดบอลเข้ามาและ โดมากอย วีด้า สกัดบอลไม่ขาด จากนั้น เบรธเวท วิ่งมาฉกบอลไปได้แต่ดันวางเท้าไม่ดีซัดออกข้างไปหน้าตาเฉย

    เกมออกแนวระมัดระวังตัวกันทั้งสองทีม จนกระทั่งน. 64 โธมัส เดลานี่ย์ มีโอกาสลากยาวกว่า 60 หลาเข้ามาในเขตโทษ ก่อนที่  เบรธเวท จะมีโอกาสสัมผัสบอลสุดท้ายแต่ดันทำหมูหกบอลทะลักออกไป น. 78 เรบิช มีโอกาสซัดด้วยเท้าซ้าย ระยะ 25 หลา แต่ยังไม่ผ่านมือ ชไมเคิ่ล ที่รับได้อย่างยอดเยี่ยม

    ผ่านเข้าสู่ น. 84 โมดริช เล่นฟรีคิกสั้นให้ โยซิป พิวาริช ที่บรรจงเปิดเข้ากลางและ เปริซิช ได้โอกาสโหม่งเช็ด แต่บอลเหินข้ามคามไป น. 89 ลาสเซ่ โชน ได้บอลบริเวณเขตโทษ แต่เขาดันจับบอลไม่ดี และทำให้จังหวะยิงด้วยเท้าขวาออกข้างไปไกล

    เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ 3 นาที โครเอเชีย ยังคงครองเกม และจังหวะทองของโครแอต เกิดขึ้น น. 90+2 เมื่อ ราคิติช ได้บอลในระยะ 30 หลา มิดฟิลด์บาร์เซโลน่า มองเห็นช่องจัดการตะบันเต็มข้อบอลออกเสาไปนิดเดียว และอีกนาทีต่อมาจากจังหวะเตะมุม เอริคเซ่น เตะเข้ามา  ซูบาซิช พุ่งชกออกมาและ เบรธเวท ซัดสวนนอกกรอบเขตโทษ บอลข้างไปแบบมีลุ้น หลังจากนั้นกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ทั้งสองทีมเสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

    ช่วงเวลาพิเศษครึ่งแรก เดนมาร์ก ได้เขี่ยก่อน และแค่ 1 นาที คนุดเซ่น เปิดบอลให้ าเธียส ยอร์เก้นเซ่น ที่โหม่งต่อให้  เบรธเวท  แต่ ลอฟเรน ปฏิกิริยาว่องไวสกัดได้ทัน  น. 96 คนุดเซ่น เลี้ยงหลุดเข้าไปถึงเส้นหลังในเขตโทษและพยายามเปิดบอลเข้ากลางแต่ ลอฟเรน ยังบล็อกเอาไว้ได้

    เดนมาร์กมีลุ้นอีกครั้ง น. 101 ยอร์เก้นเซ่นส่งให้ ลาสเซ่ โชน ที่โชว์ลีลาจับบอลเหนือชั้นก่อนซัดเต็มแรงระยะ 25 หลาแต่บอลออกเสาข้างไปหวุดหวิด หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายไม่มีจังหวะน่าตื่นเต้นอีกเลย จนกระทั่งจบช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก

    เริ่มครึ่งหลัง ปิโอเน่ ซิสโต้ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง สร้างความปั่นป่วนเกมรับของ โครแอต และ น. 107 ซิสโต้ โชว์ให้เห็นคุณภาพสุดยอดเลี้ยงบอลโยกไปมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะปั่นบอลผ่านมือ ซูบาซิช ไปแล้วแต่บอลออกเสาไกลไปนิดเดียว

     น. 112 คนุดเซ่น โยนยาวให้ ยอร์เกนเซ่น ที่ล้มตัวยิงประตูแต่บอลก็ออกข้างไปอีก และใน น. 114 โครเอเชีย ได้จุดโทษ เมื่อ ยอร์เกนเซ่น ได้บอลหลุดเดี่ยวและโดนทำฟาวล์ โดย โมดริช อาสาสังหาร แต่ ชไมเคิ่ล โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งรับเอาไว้ได้แบบบอลไม่มีกระฉอก น. 119 โมดริช มีโอกาสซัดไกล 25 หลา แต่เข้าซอง ชไมเคิ่ล อีกตามเคย สุดท้ายไม่มีทีมไหนทำประตูเพิ่มได้ จบเกม 120 นาทีสกอร์ยังเท่าเดิม 1-1 ต้องหาผู้ชนะด้วยการยิงจุดโทษ
   
    เดนมาร์ก คนที่ 1  คริสเตียน เอริคเซ่น  - ไม่เข้า
    โครเอเชีย คนที่ 1  มิลาน บาเดลย์ - ไม่เข้า

    เดนมาร์ก คนที่ 2  ซิมอน เคียร์  - เข้า
    โครเอเชีย คนที่ 2 อันเดร ครามาริช   - เข้า

    เดนมาร์ก คนที่ 3 ไมเคิ่ล โครห์น เดห์ลี   - เข้า
    โครเอเชีย คนที่ 3 ลูก้า โมดริช  -  เข้า

    เดนมาร์ก คนที่ 4 ลาสเซ่ โชน  -  ไม่เข้า
    โครเอเชีย คนที่ 4  โจซิป ปิวาริช   - ไม่เข้า

    เดนมาร์ก คนที่ 5 นิโคไล ยอร์เกนเซน   - ไม่เข้า
    โครเอเชีย คนที่ 5 อิวาน ราคิติช - เข้า

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

       โครเอเชีย (4-3-3) : ดานิเยล ซูบาซิช - ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า, อิวาน สตรินิช (โจซิป ปิวาริช น. 81) - อิวาน ราคิติช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มาเตโอ โควาชิช น. 71) - อันเต้ เรบิช, ลูก้า โมดริช (กัปตันทีม), อิวาน เปริซิช(อันเดร ครามาริช น. 97) - มาริโอ มานด์ซูคิช (มิลาน บาเดลย์ น. 108)
 
    เทรนเนอร์ : ซลัตโก้ ดาลิช

    เดนมาร์ก (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - เฮนริค ดาลสการ์ด, ซิมอน เคียร์ (กัปตันทีม), มาเธียส ยอร์เก้นเซ่น, โยนาส คนุดเซ่น - อันเดรียส คริสเตนเซ่น (ลาสเซ่ โชน น. 45) - มาร์ติน เบรธเวท (ปิโอเน่ ซิสโต้ น. 105) , คริสเตียน เอริคเซ่น, โธมัส เดลานี่ย์ (ไมเคิ่ล โครห์น เดห์ลี น. 98) , ยุสซุฟ โพลเซ่น - อันเดรียส คอร์เนลิอุส (นิโคไล ยอร์เกนเซน น. 66)
 
    เทรนเนอร์ : อาเก้ ฮาไรเด้


    ผู้ตัดสิน : เนสเตอร์ ปิตาน่า (อาร์เจนตินา) 

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »