ทัพโคนมพักรบกับสมาคมฟุตบอลเดนมาร์กก่อน หลังยอมจับมือกันชั่วคราวกลับมาใช้แข้งชุดใหญ่ชุดลุยบอลโลกล่าสุด ก่อนจะโชว์ฟอร์มหรูไล่อัด "มังกรแดง" เวลส์ 2-0 โดยเกมนี้  คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพคนเก่งเหมาคนเดียวสองประตูพาทีมซิวสามแต้มแรกพร้อมรั้งจ่าฝูงกลุ่มด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่าทัพเวลส์ ในศึกยูฟ่า เนชั่น ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา
    ศึก ยูฟ่า เนชั่น ลีก ที่สนาม อาร์ฮุส สตาดิโอน เป็นการแข่งขันของ ลีก เอ กลุ่ม 4 ระหว่างเจ้าถิ่น เดนมาร์ก ที่ลงเล่นเกมแรกรับการมาเยือนของทีมชาติ เวลส์ ที่แข่งขันนัดที่สองหลังเกมแรกไล่ถล่มไอร์แลนด์มาแล้ว 4-1

    เกมนี้ "ขุนพลแดนโคนม" ทีมชาติเดนมาร์ก กลับมาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ลงทำการแข่งขันอีกครั้ง พร้อมได้ตัว อาเก้ ฮาไรเด้ เทรนเนอร์คนเก่งที่กลับมาคุมทัพอีกครั้ง หลังจากในเกมอุ่นเครื่องที่ออกไปแพ้ สโลวาเกีย 0-3 เมื่อวันพุธที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมาต้องใช้ผู้เล่นจากระดับดิวิชั่น 3 และ 4 รวมถึงแข้งฟุตซอลลงสนาม เนื่องจากสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก มีปัญหาขัดแข้งกับสหภาพนักเตะเกี่ยวกับเรื่องสปอนเซอร์

    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทั้งสองฝ่ายได้ตกลงจับมือกันชั่วคราวก่อนจะเปิดโต๊ะเจรจากันต่อในวันจันทร์ที่ 10 กันยายน นี้  ทำให้ เดนมาร์ก ได้บรรดานักเตะตัวหลักที่นำโดย คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพคนเก่ง รวมถึง สามประสานแดนหน้าวาง ยุสซุฟ โพลเซ่น, มาร์ติน เบรธเวท และ ปิโอเน่ ซิสโต้ ลงกระซวกตาข่าย 
 

    ทางด้าน "มังกรแดง" ทีมชาติเวลส์ ภายใต้การคุมทัพของไรอัน กิ๊กส์ โชว์ฟอร์มสุดยอดเปิดคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ไล่ต้อน "ยักษ์เขียว" ไอร์แลนด์ 4-1 ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก บี กลุ่ม 4 เมื่อค่ำคืนวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา เก็บสามแต้มเต็ม นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม 4

    เกมนี้ เวลส์ ยังส่ง เอธาน อัมปาดู กับ คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ สองดาวรุ่งของทีมลงสนามเหมือนเดิม โดยแนวรุกวาง แกเร็ธ เบล กัปตันทีมยืนหน้าเป้า พร้อมได้ อารอน แรมซี่ย์ ช่วยปั้นเกมให้ 

    ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 7 นาที ทัพมังกรแดง ทักทายก่อนจากจังหวะที่ คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ เปิดให้กับ อารอน แรมซี่ย์ กระทุ้งด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลข้ามคานไป 

    เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 21 เจ้าถิ่นได้โอกาสอีกครั้ง ปิโอเน่ ซิสโต้ จ่ายให้กับ คริสเตียน เอริคเซ่น จอมทัพของทีมกดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลเหินข้ามคานไป 

    สองนาทีต่อมา เดนมาร์ก มีลุ้นต่อเนื่อง เอริคเซ่น โยนลูกเตะมุมให้กับ โธมัส เดลานี่ย์ หวดด้วยซ้ายจากกลางกรอบเขตโทษ บอลหลุดเสาซ้ายไป 

   นาที 29 เวลส์ สวนขึ้นมาบ้าง อารอน แรมซี่ย์ ไหลให้กับ แกเร็ธ เบล หวดด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายบอลหลุดเสาสองไป 

    อย่างไรก็ตามนาทีที่ 32 เดนมาร์ก เป็นฝ่ายชิงขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เฮนริค ดัลส์การ์ด ดันขึ้นมาเติมเกมรุก พักบอลด้วยหน้าอกแล้วเปิดเข้ากลางให้ คริสเตียน เอริคเซ่น จับบอลหนึ่งจังหวะเด้งขึ้นมาแล้ววอลเลย์ด้วยขวาทันทีจากกลางกรอบเขตโทษเยื้องมาทางด้านขวา บอลเช็ดเสาไกลเข้าประตูไปอย่างสุดสวย และเป็นประตูที่ 24 ของเอริคเซ่น ในการเล่นให้เดนมาร์กเป็นนัดที่ 83 

    ถัดมา 4 นาที โคนม ได้ลุ้นอีก ปิโอเน่ ซิสโต้ ปีกซ้ายได้ซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ แต่ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ นายทวารของเวลส์ ปัดทิ้งออกหลังได้ทัน หมดครึ่งแรก เดนมาร์ก ขึ้นนำก่อน 1-0 

    ครึ่งหลัง เดนมาร์ก เปลี่ยนเอา วิคเตอร์ ฟิสเชอร์ ลงเล่นแทน ปิโอเน่ ซิสโต้ นาทีที่ 51 เวลส์ ได้โอกาสจากลูกชุลมุนหน้ากรอบเขตโทษ แกเร็ธ เบล หวดด้วยซ้ายติดบล็อคของซิโมน เคียร์ กัปตันทีมเดนมาร์กที่ทิ้งตัวขวางไว้ จน เคียร์ ได้รับบาดเจ็บต้องปฐมพยาบาลกันอยู่ครู่หนึ่ง 

    เจ็ดนาทีให้หลัง เดนมาร์ก ได้โอกาส เมื่อ เดลานี่ย์ ตักให้กับ ยุสซุฟ โพลเซ่น ขึ้นโขกในกรอบเขตโทษติดเซฟของ เวย์น เฮนเนสซี่ย์

    ล่วงเลยมานาทีที่ 63 เจ้าถิ่นมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ เอธาน อัมปาดู มิดฟิลด์ดาวรุ่งของเวลส์ ไปทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าทันที ก่อนที่ คริสเตียน เอริคเซ่น รับหน้าที่สังหารด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือช่วยให้เดนมาร์ก นำห่าง 2-0 แล้ว และเป็นประตูที่สองของเอริคเซ่น ในเกมนี้มีลุ้นทำแฮตทริคแล้ว และเป็นประตูที่ 15 ของเจ้าตัวในการรับใช้ชาติ 18 เกมหลังสุด

    ท้ายเกมนาทีที่ 84 เวลส์ ได้โอกาสจากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล โยนให้กับ อารอน แรมซี่ย์ ขึ้นโหม่งในกรอบเขตโทษ ไม่ผ่านมือของ คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารเดนมาร์ก

     เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม เดนมาร์ก เปิดรังชนะ เวลส์ ไปได้ 2-0 เก็บสามแต้มสำคัญ พร้อมแซงเวลส์ด้วยลูกได้เสียดีกว่าขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม
   
    รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

    เดนมาร์ก: คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล - เฮนริค ดัลส์การ์ด, มัทธีอัส ยอร์เกนเซ่น "ซานก้า", ซิโมน เคียร์ (กัปตันทีม), เยนส์ สตรีเกอร์ ลาร์เซ่น - คริสเตียน เอริคเซ่น, ลาสเซ่ โชน, โธมัส เดลานี่ย์ - ยุสซุฟ โพลเซ่น (อันเดรียส คอร์เนลิอุส น.86), มาร์ติน เบรธเวท, ปิโอเน่ ซิสโต้ (วิคเตอร์ ฟิสเชอร์ น.46) 

    เวลส์: เวย์น เฮนเนสซี่ย์ - คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ (เดวิด บรู๊คส์ น.59), คริส กันเทอร์, เจมส์ เชสเตอร์, คริส เม็พแฮม, เบน เดวิส - ทอม ลอว์เรนซ์ (เบน วู้ดเบิร์น น.79), โจ อัลเลน, เอธาน อัมปาดู (ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ น.72), อารอน แรมซี่ย์ - แกเร็ธ เบล (กัปตันทีม) 

    ผู้ตัดสิน: เดนิซ อายเตคิน (เยอรมัน)