ถึงเวลาหรือยังที่พรีเมียร์ลีก ศึกฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก จะนำระบบเทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสินหรือ วีเออาร์เข้ามาใช้เพื่อป้องกันการตัดสินที่ผิดพลาด

เกมพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้กรรมการตกเป็นที่วิจารณ์อย่างหนัก จากการตัดสินที่ไม่ถูกต้องและส่งผลให้เกมที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ มีผลการแข่งขันที่แตกต่างออกไป

ระบบเทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสินหรือ วีเออาร์ ถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลายลีกชั้นนำทั่วโลกทั้ง บุนเดสลีก้า ลาลีก้า เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ของสหรัฐฯ และ เซเรีย อา รวมถึงฟุตบอลโลก 2018 ที่วีเออาร์มีบทบาทสำคัญในการช่วยผู้ตัดสินในหลายๆเกม แท้ที่จริงในอังกฤษก็มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้แล้ว แต่เป็นเพียงแค่ในคาราบาว คัพ เท่านั้น

วีเออาร์จะถูกยกขึ้นมาใช้เมื่อกรรมการไม่มั่นใจในเหตุการณ์สำคัญ 4 อย่าง คือ การทำประตู การให้ใบแดง การให้จุดโทษและการตรวจสอบให้มั่นใจว่า ผู้ตัดสินลงโทษนักเตะถูกคน

โดยเฉพาะในสุดสัปดาห์ที่ผ่านที่มีข้อกังขาเกิดขึ้นมากมายจนทำให้วีเออาร์ถูกพูดถึงว่า น่าจะเป็นสิ่งที่พรีเมียร์ลีกนำมาใช้ตัดสินได้แล้วเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมเหล่านี้ และนี่คือ 4 นัดที่อาจจบอีกแบบหากมีวีเออาร์

1. เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 วัตฟอร์ด

ผู้ตัดสิน ไซมอน ฮูเปอร์ ถูกวิพากษ์อย่างหนักหน่วงหลังไม่ให้ประตูกับชาร์ลี ออสติน หอกจอมเก๋าของเซาธ์แฮมป์ตันในนาทีที่ 66ของเกม เนื่องจากเจ้าตัวเชื่อว่า มายะ โยชิดะ สัมผัสบอลเป็นคนสุดท้ายในตำแหน่งล้ำหน้า ซึ่งเมื่อมาดูภาพย้อนหลังแล้วบอลจากเท้าของออสติน ไม่ได้ลอยไปโดนตัวแข้งญี่ปุ่นแต่อย่างใด บวกกับการที่ทีม"นักบุญ" ยังไม่สามารถคว้าชัยชนะนัดแรกในถิ่นเซนต์ แมรี่ส์ได้ ทำให้การตัดสินของฮูเปอร์มีผลกับอารมณ์ของนักเตะและแฟนบอลเจ้าบ้านอย่างมาก

"นั่นมันทุเรศมาก" ออสตินออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมด้วยอารมณ์หัวร้อนสุดขีด "เราทำประตูได้อย่างใสสะอาด แล้วมาโดนตัดสินว่าล้ำหน้าแบบนี้ กรรมการทำเราเสียไป 2 แต้มเห็นๆ"

อย่างไรก็ตาม ทางด้านคู่ต่อสู้อย่างวัตฟอร์ตก็คงไม่รู้สึกพอใจกับผลเสมอเช่นกัน เพราะ"แตนอาละวาด"ก็ไม่ได้จุดโทษในจังหวะที่ควรจะได้ก่อนประตูปัญหาของออสตินเสียอีก นั่นคือจังหวะที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ แบ็คซ้ายเซาธ์แฮมป์ตันเข้าสกัด เนธาเนียล ชาโลบาห์ แบบไม่โดนบอลแม้แต่น้อยในเขตโทษ และผู้ตัดสินก็ชี้ไปที่มุมธงเท่านั้น ซึ่งแฟนบอลวัตฟอร์ตก็มองว่า หากผู้ตัดสินให้ฟาวล์ ทีมเจ้าบ้านจะต้องเหลือแค่ 10 คนบนสนามแน่นอน เนื่องจากเบอร์ทรานด์มีใบเหลืองติดตัวอยู่แล้ว

2. ลิเวอร์พูล 2-0 ฟูแล่ม

เป็นจังหวะที่ อเล็กซานดรา มิโตรวิช เทคตัวขึ้นโหม่งเหน่งๆผ่านมือของอลิสซอนเข้าประตูไป แต่ผู้กำกับเส้นสะบัดธงเห็นเป็นลูกล้ำหน้า แต่ที่แย่ลงไปอีกสำหรับฟูแล่มก็คือ 14 วินาทีต่อมา ในขณะที่นักเตะ"เจ้าสัว"กำลังมึนกับการตัดสินของไลน์แมนอยู่นั้นลิเวอร์พูลเล่นเกมสวนกลับเร็ว แล้วปีกสุดจี๊ดอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์ก็เลื้อยเร็วกว่าจรวดเข้าไปยิงในชนิดที่ว่า ฟูแล่มยังตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดชึ้นเลยทีเดียว

"เมื่อผมได้ดูคลิปย้อนหลังก็เห็นเลยว่า โรเบิร์ตสันของลิเวอร์พูลเช็คล้ำหน้าพลาด และลูกนั้นก็ควรเป็นประตูของเรา"สลาวีซ่า โจคาโนวิช กุนซือฟูแล่มระบุหลังเกม

"แทนที่มันจะเป็นประตู 1-0 ของเรา กลับกลายเป็นเราต้องมาตาม 0-1 ซะงั้น"

3. เชลซี 0-0 เอฟเวอร์ตัน

แบร์นาร์ด ปีกร่างจิ๋วของเอฟเวอร์ตันดวงเฮงสุดๆที่ไม่โดนใบแดงหลังเล่นนอกเกม ใช้ศีรษะโขกเข้าไปที่บริเวณหน้าของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ปราการหลัง"สิงห์บลูส์" แต่ผู้ตัดสินเควิน เฟรนด์ ซึ่งวิ่งหันหน้าออกไปทิศทางอื่นไม่ทันเห็นจึงย้อนกลับมาให้ใบเหลืองกับทั้งคู่ เล่นเอารูดิเกอร์ถึงกับฉงน

4. นิวคาสเซิล 2-1 บอร์นมัธ

ในครึ่งแรก ผู้ตัดสินปฏิเสธที่จะให้จุดโทษบอร์นมัธหลัง เดวิด บรู๊คส์ วิ่งถึงบอลก่อนแต่โดนเฟเดริโก้ แฟร์นันเดซ  กองหลัง"สาลิกาดง"หวดจังๆเข้าไปที่ข้อเท้า จนร่วงลงไปกองในเขตโทษ แน่นอนผู้ตัดสินไม่ได้ให้เป็นลูกฟาวล์แก่บอร์นมัธแต่อย่างใด

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงจังหวะสะดุดล้มของราฮีม สเตอร์ลิ่งในเขตโทษในนัดปะทะชัคตาร์ โดเนตส์ค สุดท้ายผู้ตัดสินเป่าให้แมนฯซิตี้่ได้จุดโทษ และกาเบรียล เชซุส หอกบราซิลเลียนของ"เรือใบสีฟ้า"ก็ซัดเข้าไปไม่เหลือ จนหลังเกม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯซิตี้ต้องออกมาแนะว่า  "วีเออาร์นี่แหละที่จำเป็น อย่างที่ผมได้บอกไปนานแล้วว่า ผู้ตัดสินต้องมีเทคโนโลยีที่คอยช่วยเหลือ"

การตัดสินที่ผิดพลาดอาจถือเป็นสเน่ห์เล็กๆของฟุตบอล แต่สเน่ห์ก็คงไม่มีประโยชน์หากปราศจากความยุติธรรมในเกมการแข่งขัน คงต้องดูกันต่อไปว่าพรีเมียร์ลีกจะเห็นข้อบกพร่องตรงนี้แล้วหยิบเอาเทคโนโลยีชนิดนี้มาใช้ในอนาคตอันใกล้หรือไม่