ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » ไทยจัดเต็มส่งชุดใหญ่ต้องเฮเหนือมาเลย์กรุยทางนัดชิงซูซูกิคัพ

ไทยจัดเต็มส่งชุดใหญ่ต้องเฮเหนือมาเลย์กรุยทางนัดชิงซูซูกิคัพ

Posted 05/12/2018 by siamsport

มิโลวาน ราเยวัช แม่ทัพใหญ่แห่งทีมชาติไทย เผยลูกทีมฟิตเต็มร้อยพร้อมลุยมาเลเซีย ย้ำไม่ประมาท พร้อมเชื่อมั่นลูกทีมจะเก็บชัยชนะเพื่อกรุยทางสู่รองชิงชนะเลิศ นำโดย ''กัปตันเหลิม'' เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว รวมไปถึงศูนย์หน้าอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร ด้าน มาเลเซีย ภายใต้การคุมทัพของ ''ตัน เจิ้ง เหอ'' กุนซือชาวมาเลเซียหวังลูกทีมมีสมาธิเล่นเหมือนเกมนัดแรกที่เล่นเหนือกว่าไทยและปลดล็อกประตูให้ได้ สถิติชี้เจอกัน 14 ครั้ง ไทย ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 3 และไม่เคยพ่ายแพ้บนแผ่นดินประเทศไทยอีกด้วย แข่งขันวันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลาไทย 19.00 น. ช่อง 7 เอชดี ยิงสด

ความเคลื่อนไหวของขุนพลทัพ ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ชาวเซอร์เบีย หลังจากพาทีมลงเล่นในเกมรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ในศึกฟุตบอล ''เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018'' ทำได้เพียงบุกไปเสมอกับทัพ ''เสือเหลือง'' ทีมชาติมาเลเซีย แบบไร้สกอร์ 0-0 ทำให้ยังต้องชี้ชะตาวัดกันในเกมนัดที่สอง หากทีมชาติไทยเสมอแบบมีสกอร์หรือแพ้จะต้องร่วงตกรอบทันที

สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ศึก ''เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018'' ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ มาเลเซีย จะมีขึ้นในวันพุธที่ 5 ธ.ค. 61 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 เอชดี

 เวลา 18.00 น. ที่สนามวินด์มิลล์ ฟุตบอลคลับ ทาง มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้นำขุนพลลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง 22 คน เดินทางมาฝึกซ้อมมื้อสุดท้าย ''ออฟฟิเชียล เทรนนิ่ง'' ก่อนลงดวลกับมาเลเซียในเกมนัดที่สอง ซึ่งการฝึกซ้อมในวันนี้เน้นไปการยืดเส้นยืดสาย รวมถึงการส่งบอลเท้าสู่เท้า ซึ่งใช้เวลาฝึกซ้อม 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น โดยสื่อมวลชนสามารถทำข่าวและเก็บภาพได้เพียง 15 นาทีเท่านั้น

ในส่วนของผู้เล่น 11 ตัวแรกที่คาดว่า มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ของทัพช้างศึก เตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกลงสนามอย่างแน่นอน โดยจะยึดชุดเดิมในเกมนัดแรกที่บุกไปเสมอมาเลเซีย 0-0 นำโดย เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, สรรวัชญ์ เดชมิตร รวมไปถึงศูนย์หน้าอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ซัดไปแล้ว 8 ประตูพร้อมลงสนามล่าตาข่าย

สำหรับ 11 ตัวแรกของทีมชาติไทย ที่คาดว่าจะลงสนาม มาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ฉัตรชัย บุตรพรหม (ผู้รักษาประตู), พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, กรกช วิริยอุดมศิริ, มิก้า ชูนวลศรี, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, นูรูล ศรียานเก็ม, ศุภชัย ใจเด็ด, อดิศักดิ์ ไกรษร

ด้าน ตัน เจิ้ง โห กุนซือของทีมชาติมาเลเซีย เปิดเผยว่า ''อย่างที่ทุกคนรู้ในเกมแรกมาเลเซียเราทำได้เป็นอย่างดีแม้จะยิงประตูไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าลูกทีมทำได้ดีที่สุดแล้ว การมาเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถาน แต่ผมยังเชื่อว่าลูกทีมยังรักษาโมเมนตัมและมีความกระหายที่จะเอาชนะเพื่อผ่านเข้ารอบให้ได้''

 ในส่วนของเกมนี้คาดว่า ''ตัน เจิ้ง เหอ'' จะเลือกวางแผนในระบบ 4-2-2 ในชุดเดิมตามถนัดอีกครั้ง นำทีมมาโดย นอร์ชาห์รุล อิดลาน ตาลาฮา ศูนย์หน้าที่ซัดไปแล้ว 4 ประตู นำเป็นรองดาวซัลโวตามหลัง อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ยิงไปแล้ว 8 ประตูอยู่ในขณะนี้

โดย 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามให้กับมาเลเซีย จะมาในระบบ 4-2-2 ประกอบด้วย ฟาริซาล มาร์เลียส (ผู้รักษาประตู), ชาห์รุล ซาอัด, ไซอาห์มี ซาฟารี, ไซอัซวาน อันดิค อิชัค, ไอดิล ซาฟวน อับดุล ราซัค, ซากวน อับดุล ราซัค, ซาฟาวี ราซิด, มูฮัมหมัด อัคราม มาฮินัน, โมฮามาดู ซูมาเรห์, ซาเมอร์ คุตตี อับบา, นอร์ชาห์รุล ตาลาฮา

ไทยไร้พ่ายมาเลย์ในบ้านนาน22ปี

สถิติการพบกันในศึกชิงแชมป์อาเซียน ระหว่างทัพ ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย กับ ''เสือเหลือง'' มาเลเซีย เคยเจอกันมาแล้วทั้งหมด 14 ครั้ง และเป็นทีมชาติไทยที่เอาชนะได้ถึง 7 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง และแพ้ไปเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น

โดยสถิติทั้ง 14 ครั้งที่พบกัน ทีมชาติไทยได้เล่นในบ้าน 5 นัด และสามารถเอาชนะรวดทั้ง 5 นัดประกอบด้วย (วันที่ 16 พ.ย. 2543) ชนะ มาเลเซีย 2-0 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน, (วันที่ 16 ม.ค. 2550) ชนะ มาเลเซีย 1-0 ที่สนามศุภชลาศัย, (วันที่ 10 ธ.ค. 2551) ชนะ มาเลเซีย 3-0 ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต, (วันที่ 13 ธ.ค. 2555) ชนะ มาเลเซีย 2-0 ที่สนามศุภชลาศัย และ (วันที่ 17 ธ.ค. 2557) ชนะ มาเลเซีย 2-0 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ทั้งนี้การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนจัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 11 ครั้ง รวมกับครั้งนี้เป็น 12 ครั้ง โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1996 หรือ พ.ศ. 2539 ถือว่าทีมชาติไทยไม่แพ้มาเลเซียบนแผ่นดินสยามประเทศรอบ 22 ปีเข้าให้แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »