ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » อาจจะหน้าใหม่แค่ปีเดียว! ทำไม โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ถึงอาจได้ บัลลง ดอร์ 2019

อาจจะหน้าใหม่แค่ปีเดียว! ทำไม โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ถึงอาจได้ บัลลง ดอร์ 2019

Posted 05/12/2018 by siamsport

ก่อนหน้าที่จะถึงปีนี้ ริคาร์โด้ กาก้า กองกลางชาวบราซิเลียน คือคนสุดท้ายที่ถูกบันทึกให้เป็นผู้ชนะรางวัล บัลลง ดอร์ ซึ่งมันเกิดขึ้นในปี 2007 โดย 10 ปีหลังจากนั้นคนที่ได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำไปเชยชมมีแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ เท่านั้น โดยพวกเขาแบ่งกันไปคนละ 5 สมัย

พอถึงปี 2018 ในที่สุดเจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์ ก็เป็นหน้าใหม่สักที หลังจากที่ ลูก้า โมดริช ได้รางวัลไปครองจากการได้คะแนนอย่างท่วมท้นถึง 753 คะแนน โดยที่ โรนัลโด้ เป็นอันดับ 2 หลังได้ไป 478 คะแนน ส่วน เมสซี่ หลุดไปไกลถึงอันดับ 5 ด้วยจำนวน 280 แต้ม

จากเรื่องดังกล่าว ทำให้หลายคนมองว่ามันอาจจะหมดยุคที่มีแต่ โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ผูกขาดรางวัลส่วนตัวแล้ว แต่ที่จริงในปีหน้ามันมีโอกาสสูงพอตัวที่รางวัล บัลลง ดอร์ จะกลับไปเป็นของคนใดคนหนึ่งระหว่างพวกเขา และนี่คือสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

    - ยังคงทำผลงานได้ดีในระดับสโมสร
ถึงแม้ทั้งคู่จะอายุมากพอตัวจนหลายคนคิดว่าพวกเขาจะไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงเหมือนสมัยหนุ่มๆ (โรนัลโด้ อายุ 33 ปี ส่วน เมสซี่ 31 ปี) แต่ 2 ยอดดาวเตะแห่งยุคก็พิสูจน์ให้เห็นว่ากาลเวลาไม่ได้ทำให้ฝีเท้าของพวกเขาตกลงไปมากมายอย่างที่หลายคนคิด

จนถึงตอนนี้ โรนัลโด้ ทำไปแล้วถึง 11 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 18 นัดในทุกรายการให้กับ ยูเวนตุส (นับถึงวันอังคารที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา) จนทำให้ทีมเป็นจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้ ส่วน เมสซี่ ก็ไม่น้อยหน้า ยิงไป 15 ลูก กับอีก 9 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในทุกรายการ 16 เกม (นับถึงวันอังคารที่ผ่านมาเช่นกัน) พร้อมกับพา บาร์เซโลน่า เป็นที่ 1 ของ ลา ลีกา ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ โรนัลโด้ ก็ยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ กัลโช่ เซเรีย อา ในตอนนี้ด้วย หลังจากยิงในลีกไป 10 ลูก ส่วน เมสซี่ ก็ตามหลังชาร์ตดาวซัลโวสูงสุดของ ลา ลีกา อยู่แค่ 2 ลูกเท่านั้น หลังจากยิงไป 9 ประตูในลีก แถมต้นสังกัดของทั้งคู่ก็ยังมีโอกาสได้ทั้งแชมป์ลีกกับแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ด้วย

ถ้าพวกเขายังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแบบนี้ และพาทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ มาครองได้แล้วล่ะก็ มันก็จะทำให้พวกเขามีคุณสบัติที่คู่ควรกับการได้รางวัล บัลลง ดอร์ เป็นสมัยที่ 6 แน่นอน

    - ไร้คู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อ
ต้องยอมรับว่าในฤดูกาลก่อน โมดริช ทำผลงานได้โดดเด่นเกินกว่าที่หลายคนคาดกันเอาไว้ ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักข่าวบางคนเทคะแนนให้เขา แม้ว่า โรนัลโด้ กับ เมสซี่ จะเล่นได้ยอดเยี่ยมพอๆ กันก็ตาม

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ในฤดูกาล 2018-19 มันแทบไม่มีใครที่จะเล่นได้ดีรอบด้านทัดเทียมกับทั้งคู่เลย อย่างรายของ โมดริช ก็ฟอร์มดร็อปลงไปจากซีซั่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด หรือแม้แต่ อ็องตวน กรีซมันน์ หัวหอก แอตเลติโก มาดริด ที่ได้รับเสียงโหวตมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของการชิงรางวัล บัลลง ดอร์ 2018 ก็เพิ่งยิงไปเพียง 7 ลูก จากการลงเล่น 20 นัดในทุกรายการ

อีกด้านหนึ่ง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งได้รับความนิยมสูงในช่วงที่ผ่านมา และเพิ่งงาบรางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากงาน บัลลง ดอร์ ครั้งล่าสุดนั้น ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ จริงอยู่ว่าในฤดูกาลนี้เขาทำไป 14 ลูกจากการลงเล่น 15 นัดในทุกรายการ แต่ ลีก เอิง ก็ถูกมองว่าไม่แข็งแกร่งเท่า กัลโช่ เซเรีย อา และ ลา ลีกา จนทำให้เครดิตของเขาสู้ทั้ง โรนัลโด้ และ เมสซี่ ไม่ได้

ยิ่งถ้าดูเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์ของ ลิเวอร์พูล ที่ฤดูกาลก่อนโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงเกินห้ามใจนั้น กลับทำผลงานได้แย่ลงนิดหน่อย ส่วนคนอื่นๆ อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่, แฮร์รี่ เคน, เอแด็น อาซาร์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็อาจจะต้องโชว์ฟอร์มขั้นเทพระดับเดียวกับ ซาลาห์ เมื่อฤดูกาล 2017-18 ให้ได้เท่านั้น ถึงจะมีลุ้นขับเคี่ยวชิงรางวัลกับทั้ง เมสซี่ และ โรนัลโด้ ได้

    - ไม่มีทัวร์นาเมนต์ทีมชาติใหญ่ๆ
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ โมดริช ได้รางวัลอันทรงเกียรติไปครองเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา เป็นเพราะเขามีส่วนช่วยให้ทีมชาติโครเอเชียไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก ฟุตบอลโลก 2018 ได้ ก่อนที่ทัพ "ตาหมากรุก" จะแพ้ ฝรั่งเศส ในบั้นปลาย

ทั้งนี้ ถ้านับตั้งแต่ตอนนี้ ไปจนถึงเดือนธันวาคม ปีหน้าแล้วล่ะก็ มันมีจะมีทัวร์นาเมนต์ทีมชาติอย่าง โกปา อเมริกา และ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รออยู่ แต่ต้องยอมรับกันตามตรงว่ามันไม่ได้รับเครดิตมากเท่ากับ ฟุตบอลโลก หรือศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร" อยู่แล้ว

สำหรับเกมทีมชาติฝั่งยุโรปนั้น มีโปรแกรม ยูโร 2020 รอบคัดเลือก ให้ลงเล่น แต่มันก็คงไม่มีผลกับการลงคะแนนมากพอๆ กับ ฟุตบอลโลก 2018 แน่นอน นั่นหมายความว่าผลงานระดับสโมสรจะเป็นปัจจัยหลักที่ดึงดูดคะแนนของผู้สื่อข่าว และนั่นก็จะย้อนไปยังข้อแรกที่ทั้ง โรนัลโด้ และ เมสซี่ ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในระดับสโมสร รวมถึงมีโอกาสที่จะได้แชมป์รายการใหญ่ๆ กับต้นสังกัดนั่นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • หยุด10ปี "โด้-เมสซี่" ผูกขาด! โมดริชเจ๋งกวาดทุกสถาบันซิว บัลลงดอร์ 2018
    ลูก้า โมดริช ห้องเครื่องจากสโมสร เรอัล มาดริด และ กัปตันทีมชาติโครเอเชีย ผงาดคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ประจำปี 2018 ไปครองตามคาด ซึ่งเป็นผู้เล่นคนแรกในรอบ 10 ปี ที่ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ ที่ทั้งสองต่างคว้าไปคนละ 5 สมัย
  • แมนยู,เชลซี,แมนซิตี้งานเบาเปิดดวลเอฟเอคัพรอบ3
    สำหรับผลการจับสลากศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจองานไม่หนักมานักเมื่อเตรียมเปิดบ้านต้อนรับคู่แข่ง สวนทางกับ ลิเวอร์พูล ที่ต้องออกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
  • จับตา5บิ๊กดีลช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว
    เปิดชื่อ 5 นักเตะที่ต้องจับตามองในการย้ายสังกัดช่วงเปิดตลาดเดือนม.ค. หลังเป็นข่าวมะรุมมะตุ้มกับทีมใหญ่ทั้ง แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส
  • โปรเจคใหม่!ยูฟ่าประกาศเปิดทัวร์นาเมนต์สโมสรรายการที่3
    ยูฟ่า ประกาศว่านับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป จะมีทัวร์นาเมนต์ระดับสโมสรรายการที่ 3 โดยตอนนี้ใช้ชื่อว่า ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 ไปก่อน ซึ่งแชมป์ของรายการนี้จะได้แข่งรอบหลักของ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แบบอัตโนมัติ

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »