ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » สถิติไม่โกหก! ความแตกต่างระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนยู

สถิติไม่โกหก! ความแตกต่างระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนยู

Posted 16/12/2018 by siamsport

ในที่สุดเกม "แดงเดือด" นัดแรกอย่างเป็นทางการของฤดูกาลนี้ก็มาถึงแล้ว หลังจากที่ ลิเวอร์พูล มีคิวเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคมนี้ โดยที่สถานการณ์ของ 2 คู่อริสุดเดือดแห่งวงการลูกหนังเมืองผู้ดีกำลังต่างกันสุดกู่

ลิเวอร์พูล กำลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนนำเป็นจ่าฝูงของลีกหลังจบนัดที่ 16 (ในโปรแกรมนัดที่ 17 พวกเขาอาจจะโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงชั่วคราว หลังจากที่ "เรือใบสีฟ้า" มีคิวลงเล่นก่อน) แถมล่าสุดยังเพิ่งเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ด้วย จากการเอาชนะ นาโปลี 1-0

ในทางกลับกัน แมนฯ ยูไนเต็ด โชฃว์ฟอร์มได้ย่ำแย่จนส่อแววหมดลุ้นแชมป์ลีกตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งฤดูกาลดี แถมแค่จะลุ้นติด 4 อันดับแรกของตารางคะแนนก็ยังยากด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องนอกสนามก็มีแต่ข่าวไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส กับ ปอล ป็อกบา กองกลางคนดัง

แน่นอนว่ามองแค่เรื่องนี้ก็พอจะเห็นความแตกต่างระหว่างทั้งสองทีมได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเจาะลึกเข้าไปถึงเรื่องสถิติในด้านต่างๆ แล้วล่ะก็ เราก็จะเห็นกันชัดเจนขึ้นว่าระหว่าง "หงส์แดง" กับ "ปีศาจแดง" มันต่างกันแค่ไหน และวันนี้เราจะเอาสถิติแบบเป็นทางการในฤดูกาลนี้จาก สกายสปอร์ตส์ สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดีมาโชว์ให้เห็นถึงเรื่องนั้นเลย

- เกมรุก
34 ประตูในลีกของ ลิเวอร์พูล กับ 28 ลูกในลีกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ดูผิวเผินแล้วเหมือนจะเห็นว่าเกมรุกของพวกเขาไม่ได้มีคุณภาพต่างกันมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น คุณภาพในการเล่นเกมรุกของพวกเขามันต่างกันชัดเจน

ลิเวอร์พูล ทำได้เหนือกว่าคู่อริตัวฉกาจเยอะพอตัวทั้งด้านการจ่ายบอลทะลุช่อง, การทำประตูจากลูกโหม่ง, การเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ และการสร้างโอกาสทำประตูสวยๆ โดยด้านการแอสซิสต์กับการยิงตรงกรอบนั้น ทั้งสองทีมทำได้ใกล้เคียงกัน ส่วนในเรื่องการโยนบอลเข้ากลาง แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ดีกว่า

เดิมทีบรรดา "เร้ด อาร์มี่" ก็แสดงความไม่พอใจอยู่แล้วที่ มูรินโญ่ ทำทีมเน้นเกมรับเป็นหลัก ส่วนเกมรุกกลับไม่มีความอันตรายเท่าไหร่ ทั้งที่ทีมมีแข้งแนวรุกชื่อดังเต็มไปหมด และนี่ก็เป็นการตอกย้ำถึงเรื่องนั้นมากขึ้นไปอีก

- เกมรับ
แค่มองเรื่องพื้นฐานอย่างจำนวนประตูที่เสียไปก็อาจจะบ่งบอกได้ดีในระดับหนึ่งแล้วว่าเกมรับของ ลิเวอร์พูล เหนียวแน่นกว่าเยอะ หลังจากพวกเขาเพิ่งเสียไปเพียง 6 ลูก ตรงกันข้ามกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้โดนยิงไปแล้วถึง 26 ประตู

อย่างไรก็ตาม ถ้าเจาะลึกไปในบางด้านเป็นพิเศษแล้วนั้น เหล่าสาวก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจจะต้องซึมกันมากกว่าเดิม เพราะทีมรักของพวกเขาทำได้แย่กว่าอีกฝ่ายแบบเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการเสียลูกจุดโทษ และการเล่นผิดพลาดจนนำไปสู่การเสียประตู ขณะที่การเล่นเกมรับได้แย่ก็ยังทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนจับฟาวล์หลายครั้ง จนนำไปสู่การโดนใบเหลืองและใบแดงมากกว่าด้วย

ถ้าเกิดว่าเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถยกระดับการเล่นขึ้นมาได้แล้วล่ะก็ มันก็มีโอกาสสูงทีเดียวที่ในวันอาทิตย์นี้พวกเขาจะต้องกลับบ้านแบบมือเปล่า แถมอาจจะมียอดประตูที่เสียเพิ่มขึ้น 2 ลูกขึ้นไปด้วย

- การเคลื่อนบอล
เขาว่ากันว่าหนึ่งในการเล่นที่ดีนั้น คุณต้องผ่านบอลให้ได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่เกมจะได้ไหลลื่น ส่วนคู่แข่งก็จะไล่ตัดบอลได้ยาก ซึ่งทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำได้ดีในด้านนี้ เพราะพวกเขาผ่านบอลไปเยอะมาก และคนที่ผ่านบอลมากที่สุดของทีมยังเป็น เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่เป็นกองหลัง จากการทำไป1,233 หน

สำหรับคนที่ผ่านบอลได้มากที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แก่ เนมานย่า มาติช ที่จำนวน 856 ครั้ง ซึ่งยังถือว่าน้อยกว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน คนที่ผ่านบอลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำ หลังจากเขาทำไป 917 หน

การผ่านบอลน้อยแบบนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร และต้องรอดูว่า มูรินโญ่ จะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ยังไง

- อลีสซง vs เด เคอา
การเข้ามาของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน มีส่วนสำคัญในการทำให้ ลิเวอร์พูล เสียประตูน้อยลงเยอะ โดยล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งโชว์ฟอร์มเซฟในช่วงท้ายเกมจนทำให้ทีมรอดจากการโดน นาโปลี ตีเสมอ และเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ แถมเขาก็เก็บคลีนชีทในลีกได้ถึง 10 เกมเข้าไปแล้ว

ขณะที่ เด เคอา แม้ว่าฟอร์มโดยรวมของเขาจะไม่ถือว่าแย่อะไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันตกลงจากหลายซีซั่นก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด โดยจนถึงตอนนี้เขาเก็บคลีนชีทในลีกได้แค่ 2 นัด จนทำให้หลายคนมองว่าตอนนี้ อลีสซง เหนือกว่ามือกาวทีมชาติสเปนไปแล้ว

ถ้ามองจากจำนวนประตูที่ทีมของพวกเขาเสียไปมันก็อาจจะพอพูดอย่างนั้นได้ แต่ที่จริงแล้วจะโทษ เด เคอา คนเดียวก็ไม่ถูก เพราะเกมรับที่ย่ำแย่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันทำให้ เด เคอา ต้องออกแรงเซฟเยอะมาก โดยจนถึงตอนนี้ เด เคอา ต้องเผชิญหน้ากับลูกยิงไปแล้วถึง 80 ครั้ง ขณะที่ของ อลีสซง อยู่ที่ 42 หนเท่านั้น

เรียกได้ว่าต่างกันเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »