ทราบกันไปแล้วกับผลการประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีไปเมื่อช่วงหัวค่ำวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหากโฟกัสไปที่ 4 สโมสรจากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเห็นได้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจองานเบากว่าเพื่อน เมื่อได้ ชาลเก้ 04 มาเป็นคู่แข่ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งฟาดแข้งกันมาในศึก "แดงเดือด" เมื่อคืนวันอาทิตย์ ต่างเจองานสุดหินทั้งคู่ ส่วน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ไม่เบา เพราะต้องดวลกับจ่าฝูง บุนเดสลีกา อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

แม้ต้องรอยาวๆ จนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า กว่าที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจะระเบิดศึกขึ้น แต่ตอนนี้เรามาลองวิเคราะห์กันหน่อยดีกว่าว่า "ใครจะอยู่และใครจะไป" ในบรรดา 4 ทีมเมืองผู้ดี

    - ชาลเก้ 04 VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

ถือว่าโชคดีสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" ที่ได้ ชาลเก้ มาเป็นคู่แข่งในรอบ 16 ทีม แม้จะประมาทไม่ได้ แต่ฤดูกาลนี้ "ราชันสีน้ำเงิน" ไม่ได้มีผลงานน่ากลัวอะไรเลย อย่างในลีกตอนนี้อยูที่ 13 ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มที่ไม่ได้แข็ง และต้องมาเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้ บอกได้เลยว่า "สู้ไม่ไหว" ดูแล้วทีมของ เป๊ป น่าจะใช้เกมรุกที่ดุดันไล่ยำ และผ่าน ชาลเก้ ได้แบบไม่ลำบาก น่าจะชนะทั้งเหย้าและเยือนด้วย

โอกาสลิ่วของ แมนฯ ซิตี้ : 80%

เกร็ดน่าสนใจ : ลีรอย ซาเน่ ปีกจอมพลิ้ว แมนฯ ซิตี้ ได้เจอทีมเก่าของตัวเอง เช่นเดียวกับ มาติย่า นาสตาซิช ปราการหลัง ชาลเก้

    - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

แม้แฟนบอล "ปีศาจแดง" กำลังหัวเสียกับผลงานของทีม แต่ถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด มีการเสริมทัพที่ดีในช่วงเดือนมกราคม และ(ถ้า) โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคุมทีมอยู่ เชื่อว่า เปแอสเช ไม่ง่าย! เพราะต้องไม่ลืมว่า บอลในสไตล์ของ มูรินโญ่ อาจจะไม่น่าดูในสายตาแฟนบอล แต่น่าจะใช้งานได้ผลในบอลรอบน็อกเอาต์แบบนี้ ทว่าถ้ามองอีกมุมนึง หากสามประสานแนวรุก เปแอสเช อย่าง เนย์มาร์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เอดินสัน คาวานี่ เล่นได้ท็อปฟอร์ม แนวรับของ "ปีศาจแดง" ก็ไม่น่าจะต้านไหว ดูแล้วพวกเขามีโอกาสเข้ารอบน้อยกว่า เปแอสเช แต่พอสู้ได้

โอกาสลิ่วของ แมนฯ ยูไนเต็ด : 40%

เกร็ดน่าสนใจ : นี่คือการเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่ในเกมอย่างเป็นทางการ

    - ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ VS โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

เพิ่งเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งปรากฏว่า สเปอร์ส เป็นฝ่ายได้เฮทั้งสองนัด ทว่าฤดูกาลนี้ ดอร์ทมุนด์ มาดีเหลือเกินทั้งในลีกและ แชมเปี้ยนส์ ลีก ดูแล้วเหนื่อยแทน "ไก่เดือยทอง" แต่ก็อย่างที่ว่าไป กว่าจะถึงวันนั้นอาจจะมีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าให้มองโอกาสตอนนี้ ดอร์ทมุนด์ น่าจะเป็นฝ่ายเบียดเข้ารอบ 8 ทีมได้ และน่าจะมีประตูให้ดูกันไม่น้อยด้วย เพราะทั้งสองต่างมีเกมรุกที่ดี

โอกาสลิ่วของ สเปอร์ส : 45%

เกร็ดน่าสนใจ : นอกจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันในถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาล 2015-16 โดยเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งผลที่ออกมาคือ ดอร์ทมุนด์ ต้อน สเปอร์ส ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-1

    - ลิเวอร์พูล VS บาเยิร์น มิวนิค

นี่คือการดวลกันของสองทีมที่เป็นแชมป์รายการนี้มาแล้ว 5 สมัย และถือเป็นไฮไลต์ของรอบนี้เลยก็ว่าได้ ลิเวอร์พูล กำลังมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม แม้ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มมาได้อย่างเสียวไส้ก็ตาม ส่วน บาเยิร์น มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานในลีก แต่ในถ้วย "บิ๊กเอียร์" พวกเขาเข้ามารอบนี้ได้แบบไม่ยากเย็น... บอกเลยว่ามองยากมากสำหรับคู่นี้ แต่หากมองกันที่ฟอร์มในปัจจุบัน บาเยิร์น มีปัญหาตรงแนวรับที่เชื่องช้า ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ "หงส์แดง" สามารถใช้ความเร็วของสามประสานแดนหน้าเล่นงานได้ แต่เกมบุกของ "เสือใต้" ก็ไม่เลว โดยมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ตอนนี้ เป็นตัวชูโรง ดูแล้วคู่นี้น่าจะวัดที่เกมรุกว่าใครทำได้ดีกว่ากัน บางทีอาจเชือดเฉือนกันที่กฏ "อะเวย์โกล" ด้วย

โอกาสลิ่วของ ลิเวอร์พูล : 55%

เกร็ดน่าสนใจ : ก่อนหน้านี้ทั้งสองทีมเคยดวลกันมาแล้ว 7 ครั้ง โดย ลิเวอร์พูล แพ้ บาเยิร์น แค่หนเดียวเท่านั้น (ชนะ 2 เสมอ 4) และครั้งล่าสุดที่เจอกันเป็น "หงส์แดง" ที่อัด "เสือใต้" 3-2 ในเกม ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ เมื่อปี 2001