ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » วิเคราะห์ 3 ยักษ์ใหญ่ยุโรปอาจมือเปล่าตอนจบซีซั่น

วิเคราะห์ 3 ยักษ์ใหญ่ยุโรปอาจมือเปล่าตอนจบซีซั่น

Posted 05/03/2019 by siamsport

ผ่านไปแล้ว 3 ใน 4 ของฤดูกาล 2018/19 และเหลือเวลาอีกไม่นานที่เราจะได้บทสรุปสุดท้ายว่าแต่ละลีกใครจะคว้าแชมป์ไปนอนกอด โดยทั้งหมดจะจบลงในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

   พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และบุนเดสลีกา เยอรมัน กำลังคั่วแชมป์กันมันส์หยด แต่ลีกอื่นๆอย่าง ลาลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ดูเหมือนว่า แชมป์คงไม่หนีไปจาก บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส และ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ตามลำดับ

    ที่เกาะอังกฤษ ลิเวอร์พูล และแมนฯซิตี้ ต้องลุ้นกันนัดต่อนัดว่าใครจะขึ้นนำเป็นจ่าฝูง เช่นเดียวกับลีกเมืองเบียร์ ที่บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ ต่างมีแต้มเท่ากันเมื่อผ่านไป 24 นัด

    โดยทั้งหมดต่างมีภาระในบอลถ้วยอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดปัจจัยให้แต่ละทีมอาจต้องเจอความผิดหวังในช่วงท้าย ดังนั้นในสกู๊ปนี้ เรามาวิเคราะห์กันว่าทีมที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจต้องผิดหวังหลังจบซีซั่นนี้ จะมีทีมอะไรบ้าง โดยเทียบจากฟอร์มช่วงหลังของแต่ละทีม

    - โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์

เสือเหลืองเปิดฉากฤดูกาลด้วยฟอร์มอันร้อนแรง และครองจ่าฝูงด้วยขุมกำลังที่ผสมผสานระหว่างตัวเก๋าและกลุ่มวัยรุ่น

    จาดอน ซานโช่, แดน-อั๊กเซล ซากาดู, อชราฟ ฮาคิมี่ และ มานูเอล อคานจี คือกลุ่มยังบลัดที่ได้ อั๊กเซล วิตเซล, ลูคัสซ์ พิสเซ็ค, มาริโอ เกิตเซ่ และมาร์โค รอยส์ ช่วยประคองจนทีมติดลมบนหัวตาราง บวกกับการปลุกวิญญาณปาโก อัลกาเซร์ ดาวยิงจากแดนกระทิงดุ ของลูเซียง ฟาฟร์ ที่มักจะเป็นซูเปอร์ ซับ ยามที่กุนซือสวิสส่งลงมา

    อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกนักเตะอายุน้อยหลายคนต่างเผชิญความกดดันเล่นงาน เห็นได้จากผลงานระยะหลังของดอร์ทมุนด์และล่าสุดก็แพ้ต่อเอาก์สบวร์ก จนทำให้บาเยิร์น มิวนิค ทำคะแนนขึ้นมาเทียบเท่า จากที่ก่อนหน้านี้เคยนำห่างถึง 9 คะแนน!

การที่ดอร์ทมุนด์ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับฟอร์มอันย่ำแย่บวกกับเสือใต้ก็ถีบตัวเร่งคะแนนขึ้นมา โอกาสที่เสือเหลืองต้องน้ำตกมีสูงเลยทีเดียว

    ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานในบอลยุโรป ทีมดังจากถิ่นซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ก็ต้องเจองานมหาหิน จากที่นัดแรกบุกแพ้ต่อท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-3 มันคงมีแต่ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะพาพวกเขาพลิกสถานการณ์เข้ารอบได้ในเลกสอง

 เสียงวิพากษ์วิจารณ์มุ่งไปที่การที่ดอร์ทมุนด์ มีนักเตะอายุน้อยมากเกินไปจนไม่สามารถรับมือแรงกดดันได้ ในส่วนของผลงานปี 2018 อาจทำให้พวกเขามีกำลังใจในการแข่งขัน แต่ถึงตอนนี้คงจำเป็นต้องหาอะไรสักอย่างมาทำให้ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง

    - เรอัล มาดริด


 เพียงแค่ต้นซีซั่น ราชันชุดขาว ก็เผชิญกับปัญหาผลงานของทีม โดยเฉพาะแมตช์ที่พ่ายต่อบาร์เซโลน่า 1-5 ในศึกเอล กลาซิโก้ จนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชูเลียน โลเปเตกี และทีมก็ได้แต่งตั้ง อดีตนักเตะของทีมอย่าง ซานติอาโก้ โซลารี่ เข้ามากอบกู้สถานการณ์ จนทีมสร้างผลงานที่น่าจดใจช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    ทว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มาดริด ต้องตกรอบโกปา เดล เรย์ ด้วยน้ำมือของบาร์เซโลน่า ต่อด้วยแพ้ต่อเจ้าบุญทุ่มอีกครั้งในเกมลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้เส้นทางการลุ้นแชมป์ลาลีกา ดับลงไปทันที

 ซึ่งตอนนี้ลอส บลังโก จำเป็นต้องโฟกัสไปที่ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขาคาดหวังจะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดีการจะทำสิ่งนี้ได้มันยากเอามากๆ เมื่อเทียบกับขุมกำลังของทีมในตอนนี้

    นับตั้งแต่เสีย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไป มาดริด ขาดตัวเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาโดยตลอดตั้งแต่ต้นซีซั่น อีกทั้งแนวรับก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเผชิญมาโดนตลอด ประตูที่เสียมากกว่าจำนวนนัดที่ลงสนามเสียอีก

    ถึงกระนั้น เส้นทางในบอลยุโรป ยังมีโอกาสดีที่จะผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังเกมแรกบุกเอาชนะอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้ก่อน แต่ในรอบต่อไปหากเจอกับทีมระดับชั้นนำอาจเป็นงานยากของราชันชุดขาว หากโซลารี่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้

    - ลิเวอร์พูล


หงส์แดง โบยบินสูงมากจากผลงานตั้งแต่ต้นซีซั่นจนถึงกลางซีซั่น เกมรับอันแข็งแกร่งนำโดย เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, อลีสซง เบ็คเกอร์ ประกอบกับตัวหลักอื่นๆอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ซาดิโอ มาเน่ ช่วยให้ลิเวอร์พูลก้าวขึ้นมามีลุ้นแชมป์ และครองจ่าฝูงเรื่อยมานับจากช่วยปลายปี 2018

    อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เปลี่ยนปฏิทินเข้าสู่ปี 2019 จนถึงสถานการณ์ล่าสุด เส้นทางการลุ้นแชมป์ของพวกเขา กับความมั่นใจของเดอะ ค็อป ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ

    ตลอดช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ถึงแม้ลิเวอร์พูลจะแพ้ไปเพียงเกมเดียวต่อแมนฯซิตี้ แต่กลับทำแต้มหล่นในเกมกับ เลสเตอร์, เวสต์แฮม และล่าสุดกับ เอฟเวอร์ตัน ทั้งๆที่ช่วงครึ่งซีซั่นแรก ผลงานการเจอกับทีมนอกกลุ่มท็อปซิกซ์ พวกเขาไม่เคยพลาดสามแต้มเลย

ปัญหาใหญ่คือ แนวรุกที่ประสิทธิภาพลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด โม ซาลาห์ เผชิญกับความกดดันจนฟอร์มเก่งที่เคยมีหายไป ส่วนในรายของมาเน่ ก็มีฟอร์มที่ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้จนทำให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปวดหัว

    จาก 7 แต้มที่เคยทิ้งห่างแมนฯซิตี้ จนถึงตอนนี้มีแต้มตามหลังเรือใบไปแล้ว 1 คะแนน

    ส่วนเส้นทางบอลยุโรป ผลเสมอจากนัดแรกในบ้านกับบาเยิร์น มิวนิค 0-0 ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนัก แต่คล็อปป์ อาจต้องจำเป็นสละถ้วยนี้เพื่อไปพุ่งเป้าไปที่การลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัว

    5 ปีก่อน ลิเวอร์พูลเคยทำถ้วยแชมป์หลุดมือไปในช่วงท้ายซีซั่น ซึ่งพวกเขาก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดซ้ำขึ้นมาอีก แต่หากผลงานยังไม่พัฒนาขึ้น ก็เป็นโอกาสสูงที่อาจต้องมือเปล่าอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »