หลังจากเป็นประเด็นดราม่าถกเถียงกันหลายฝ่ายเกี่ยวกับเรื่อง "วีเออาร์" ซึ่งถูกใช้มากมายใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะคู่ระหว่างเปแอสเช กับปีศาจแดง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ ตอนนี้ทาง "ยูฟ่า" องค์กรลูกหนังยุโรปก็ได้ออกมาแถลงเคลียร์ทุกการใช้วีเออาร์ผ่านทางเว็บไซต์ทางการของพวกเขาแล้ว ลองไปดูทีละเหตุการณ์กัน
1.บอลออกไปหรือยัง?

    เริ่มจากที่สนาม ซานติอาโก เบร์นาบิว กันก่อนเลย เหตุการณ์วุ่นวายนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 62 เมื่อ นุสซาอีร์ มาซราอุย แบ็คขวาของ อาแจ็กซ์ สไลด์แย่งบอลจากเซร์คิโอ เรกีลอน ซึ่งจังหวะที่สไลด์นั้นลูกบอลได้ไหลเหมือนจะเลยเส้นข้างสนามไปแล้ว แต่ มาซราอุย ใช้ขาขวาถีบบอลกลับเข้ามาในสนามไป ซึ่งมันก็ก้ำกึ่งว่าออกจากสนามหรือไม่? แต่หลังจากที่ผู้ตัดสินไม่เป่าว่าเป็นลูกออกก็ทำให้ต่อมา อาแจ็กซ์ สวนกลับและเป็นที่มาของประตู 3-0

    ผู้เล่นมาดริดก็เข้าไปโวยวายใส่ผู้ตัดสินจนต้องมีการใช้วีเออาร์เกิดขึ้น ซึ่งผู้ตัดสินไม่ได้เดินไปดูจอแต่ฟัง ซึ่งก็ใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียวกว่าจะตัดสินให้เป็นประตูของทีมเยือน โดยเว็บยูฟ่าได้ออกมาอธิบายว่า "หลังจากทีมงานวีเออาร์ได้เช็คทุกมุมกล้องทุกภาพอย่างถี่ถ้วนแล้ว มันไม่มีหลักฐานไหนเลยที่ว่าลูกบอลออกนอกสนามเต็มใบ ขณะที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินซึ่งเป็นคนที่มองเห็นเหตุการณ์นี้ชัดที่สุดก็ได้ยืนยันว่าบอลไม่ได้ข้ามเส้นเต็มใบจึงไม่จำเป็นที่จะให้ผู้ตัดสินในสนามดูภาพย้อนหลัง ดังนั้นผู้ตัดสินทำถูกต้องที่ปล่อยเกมและให้ประตูกับทีมเยือน"

2.ดึงแบบนี้จุดโทษไหม?

    อีกหนึ่งสนามที่เป็นดราม่าไม่แพ้คู่ผีแดง คือคู่ระหว่าง ปอร์โต้ กับ โรม่าโดยเหตุการณ์วีเออาร์ครั้งนี้นำไปสู่ประตูชัยของ ปอร์โต้ ซึ่งเกิดขึ้นในนาทีที่ 116 เมื่อ ริค คาร์สดอร์ป ผ่านบอลจากด้านข้างเข้าเขตโทษ แล้ว เฟอร์นันโด ถูก อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ดึงล้มลงไป ในตอนแรกผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร แต่เหมือนทางทีมงานวีเออาร์ได้ปรึกษากับผู้ตัดสินในสนามอยู่สักพัก จึงต้องมีการดูวีเออาร์เพื่อความชัดเจน ก่อนสุดท้ายผู้ตัดสินจะให้จุดโทษและกลายเป็นประตูชัยสุดสำคัญของเจ้าบ้าน

    ทางยูฟ่าก็ได้ออกมาแถลงว่า "ในตอนแรกที่ผู้ตัดสินคุยกับผู้ช่วยนั้น เขาเช็คเรื่องการล้ำหน้าก่อนซึ่งทางทีมงานวีเออาร์ยืนยันว่า เฟอร์นันโด ไม่ล้ำหน้าตามที่เห็นในภาพ หลังจากนั้นทีมงานวีเออาร์จึงถามผู้ตัดสินในสนามว่าได้เห็นเหตุการณ์ที่ดึงกันกรอบเขตโทษหรือไม่ ผู้ตัดสินก็คอนเฟิร์มมาว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้ตัดสินจึงสั่งให้ทีมงานเตรียมภาพวีเออาร์เพื่อให้เขาเดินไปดูข้างสนาม ซึ่งจากภาพนั้น ผู้ตัดสินควรให้จุดโทษแล้วเนื่องจากมีการขัดขวางการเล่นโดยการดึงในกรอบเขตโทษ"

3.ไม่ต้องดูภาพก็ได้

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงนาที 121 ของเกม ปอร์โต้ กับ โรม่า เมื่อ มุสซ่า มาเรก้า ไปทำฟาล์ว พาทริค ชิค ในเขตโทษ ผู้เล่นโรม่าเข้าไปประท้วงผู้ตัดสินอย่างหนัก ผู้ตัดสินจึงต้องถามทีมงานวีเออาร์ ก่อนจะตัดสินใจว่าลูกนี้ไม่ให้เป็นจุดโทษ

    ยูฟ่าก็ได้อธิบายว่า "ผู้ตัดสินได้ยืนอยู่ใกล้เหตุการณ์นั้น มองเห็นเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจนและเขาได้ตัดสินใจว่ามันไม่ฟาล์ว อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสิน ตัดสินใจเบรคเกมเพื่อคุยกับทีมงานวีเออาร์ให้เช็คภาพจากหลายๆมุมกล้อง ทีมผู้ตัดสินก็ได้ปรึกษากันอย่างละเอียดถี่ถ้วน และผู้ตัดสินในสนามก็ได้รับแจ้งจากทีมงานวีเออาร์ว่ามันเป็นการทำฟาล์วที่ไม่ชัดเจนเท่าไรห่นัก ผู้ตัดสินจึงไม่จำเป้นต้องไปดูภาพย้อนหลังที่ข้างสนาม"

4.จุดโทษที่เถียงกันโลกแตก

    สุดท้ายมาดูคู่เอกของเรากันบ้าง แน่นอนว่าประตูสำคัญนี้่ส่งผีแดงผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบสุดดราม่า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นนาทีที่ 90 ของเกมเมื่อ ดีโอโก ดาโลต์ ตัดสินใจยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ แต่ เพรสแนล คิมเพมเบ้ กระโดบล็อคลูกบอลจะกระดอนออกหลังไป ตอนแรกู้ตัดสินชี้เป็นลูกเตะมุมธรรมดา ท่ามกลางเสียงประท้วงของผู้เล่นปีศาจแดง ผู้ตัดสินก็ได้ปรึกษากับทีมงานวีเออาร์อยู่สักพักก่อนจะวิ่งไปดูถาพที่ข้างสนามถึงสองรอบ และเป่าเป็นจุดโทษให้ผีแดง

    ทางเว็บไซต์ "ยูฟ่า" ก็ได้อธิบายเหตุผลที่ลูกนี้ถึงเป็นจุดโทษไว้ว่า "หลังจากที่ทีมงานวีเออาร์ได้เช็คทุกมุมกล้องแล้ว พวกเขาก็ได้แนะนำให้ผู้ตัดสินในสนามดูวีเออาร์ย้อนหลังเพื่อตัดสินเหตุการณ์นี้ โดยผู้ตัดสินยืนยันว่าเขามองเหตุการณ์นี้ไม่ชัดเจน ดังนั้นเขาจึงต้องมีการใช้วีเออาร์"

    "หลังจากเช็คภาพที่ข้างสนามแล้ว ผู้ตัดสินได้ยืนยันว่าระยะทางที่ลูกบอลพุ่งเข้าใส่ตัวนักเตะนั้นไม่ได้ระยะทางที่กระชั้นชิดมาก และจังหวะปะทะกับลูกบอลเป็นสิ่งที่พอจะคาดเดาได้ แขนของกองหลังเปแอสเชไม่ได้แนบชิดกับลำตัวนั่นทำให้ร่างกายของเขาใหญ่ขึ้นผลลัพธ์คือมันทำให้ลูกบอลถูกหยุดในขณะที่มันกำลังพุ่งเข้าสู่ประตูทำให้ผุ้ตัดสินเลือกเป่าจุดโทษ"