การกลับมาของ ซีเนดีน ซีดาน หลังจากที่อำลา เรอัล มาดริด ไปไม่ถึงปีถือเป็นอะไรที่น่าแปลกใจพอสมควร แต่แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ภารกิจสำคัญของ "ซิซู" ก็คือการกอบกู้ศรัทธาจากแฟนบอล "ราชันชุดขาว" หลังฤดูกาลนี้พวกเขาไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกแล้ว นอกจากการทำอันดับติดท็อปโฟร์ให้ได้

    ด้วยการที่ทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมไปถึงผลงานในลา ลีกา ที่แทบหมดลุ้นแชมป์ลีก เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ซานติอาโก้ โซลารี่ ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งไปอย่างเจ็บปวด โดยทิ้งผลงานให้แฟนบอลได้ดูต่างหน้าในแมตช์สุดท้ายที่ไล่ถล่ม เรอัล บายาโดลิด 4-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    สำหรับการคืนสู่ถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว แน่นอนว่ามีหลายคนตั้งคำถามว่านักเตะสำคัญ 4 คนทั้ง แกเร็ธ เบล, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโลน่า และ อีสโก้ ยังมีอนาคตกับ เรอัล มาดริด หรือเปล่า แน่นอนว่างานนี้การที่ ซีดาน หวนคืนรังเก่าย่อมมีผลต่ออนาคตของพวกเขา

เบล ไม่ได้รับการหนุนหลังอีกแล้ว ?
    ซีดาน กับ เบล มีความสัมพันธ์เต็มไปด้วยปัญหาในช่วงระหว่างยุคทองที่ "ซิซู" กุมบังเหียนเรอัล มาดริด ในครั้งแรก และมีรายงานว่าเบื้องหลังที่เจ้าตัวอำลาทีมแบบช็อกโลกเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เนื่องจาก เปเรซ กลับลำเรื่องขาย เบล หลังนักเตะโชว์ฟอร์มหรูในเกมที่ "ราชันชุดขาว" ปราบ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

     จริงๆ แล้ว ดาวเตะเลือดเวลส์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเกมดังกล่าวที่กรุงเคียฟ ไม่ปลื้มที่ไม่ได้ลงเล่นตัวจริง และพร้อมที่จะแยกทางกับสโมสรหลังจบเกมนั้นทันที อย่างไรก็ตาม การที่ทีมตัดสินใจขาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้ ยูเวนตุส ส่งผลให้ เบล น่าจะกลายเป็นตัวหลักของทีมแทน

 กะนั้นทุกอย่างยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเมื่อ เบล ไม่สามารถสร้างผลงานเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นตัวจริงได้ ด้วยเหตุนี้การที่ ซีดาน คืนสู่เหย้าอีกรอบ สโมสรอาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงแกนหลักของทีม

    สำหรับตอนนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีม ขณะที่ อดีตสตาร์สเปอร์ส ใช้เวลาในช่วงต้นปี 2019 เป็นเพียงแข้งยางอะไหล่เท่านั้น เพราะมีปัญหาบาดเจ็บน่องรบกวนตลอด ด้วยเหตุนี้เวลาของเขากับทีมใกล้จะหมดลงแล้ว

ยังคงมีที่ว่าสำหรับ รามอส ?
    ก่อนที่จะมีการแต่งตั้ง ซีดาน นั้นชื่อของ โชเซ่ มูรินโญ่ กระเด็นขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกที่จะได้รับหน้าที่กุมบังเหียน และถือเป็นการคืนสู่รังเก่าของ "เฮียมู" ด้วยเช่นกัน

    ช่วงที่มีข่าวลือดังกล่าว รามอส ประกาศจุดยืนไม่เอา มูรินโญ่เต็มตัว ด้วยการขู่แยกทางกับสโมสรทันทีหากพวกเขาตัดสินใจแต่งตั้ง มูรินโญ่ เข้ามากุมบังเหียนยอดทีมแห่งซานติอาโก้ เบร์นาเบว

 ปัญหาเกาเหลาระหว่างทั้งสองคนเกิดขึ้นตอนที่ มูรินโญ่ โดนลูกทีมวิจารณ์อย่างหนักในเกมแพ้ เซบีย่า 0-1 เมื่อเดือนกันยายน 2012 หลังจากนั้น รามอส ก็โดนเล่นงานเมื่อโดนดร็อปในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 วันหลังจากนั้น และนั่นคือจุดแตกหักที่ทั้งคู่ไม่คิดญาติดีกันอีกต่อไป

    แน่นอนว่าการที่สโมสรเลือกดึง ซีดาน กลับมาคุมทีม ทำให้ รามอส รู้สึกผ่อนคลายมาก เพราะไม่ต้องทนทู่ซี้อยู่กับ กุนซือจอมแท็กติคชาวโปรตุกีส และเมื่อเป็นแบบนี้อนาคตของเจ้าตัวกับสโมสรมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่กันไปอีกยาวๆ

มาร์เซโล่ ยังคงมีความสำคัญอยู่ไหม ?
    หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามด้วยแชมป์สโมสรโลก หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อย่างละ 4 สมัย จากนั้นก็สอยด้วย สแปนิช ซูเปอร์ คัพ กับ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ อย่างละ 3 สมัย ตบท้ายด้วยแชมป์ โกปา เดล เรย์ 2 สมัย  บางที มาร์เซโล คงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะหลุดจากทีมตัวจริงเหมือนในฤดูกาลนี้

    แบ็กซ้ายชาวบราซิเลียน เป็นนักเตะตัวหลักของทีมมายาวนาน แต่ภายใต้การนำทัพของ โซลารี่ เขาตัดสินใจดร็อปเจ้าตัวและเลือกส่งแข้งที่เป็นผลผลิตจากศูนย์เยาวชนสโมสรอย่าง เซร์คิโอ เรกูลอน ลงสนาม โดย ดาวเตะวัย 30 ปี ได้ลงเล่นในเกมลีกเพียงแค่ 5 แมตช์เท่านั้นในยุคของ โซลารี่

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ มาร์เซโล่ ตกเป็นข่าวเตรียมย้ายไปร่วมงานกับ โรนัลโด้ ที่ยูเวนตุส หลังจบฤดูกาลนี้ ขณะเดียวกัน "เบียงโคเนรี่" ก็หวังใช้สายสัมพันธ์ระหว่าง "ซีอาร์ 7" กับนักเตะเพื่อโน้มน้าวให้ ฟูลแบ็กทีมชาติบราซิล เก็บกระเป๋าย้ายมาร่วมทีมด้วยเช่นกัน

    สำหรับ ซีดาน ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้กลับมาทำงานอีกรอบ แม้จะเติบโตขึ้นมาจากการทำงานร่วมกับทีมเยาวชนของสโมสรก็ตาม แต่ ตำนานจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในฝีเท้าของ มาร์เซโล่ มากกว่า เรกูลอน

อีสโก้ ยังอยู่ในแผน
    เฉกเช่นเดียวกับกรณีของ มาร์เซโล่ เพราะ อีสโก้ มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ภายใต้การคุมทัพของ โซลารี่ โดยเขาเคยมีบทบาทสำคัญในยุคที่ ฆูเล็น โลเปเตกี  คุมทัพ แต่สถานการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อ โลเปเตกี โดนอัปเปหิออกจากสโมสรไปตั้งแต่ต้นฤดูกาลนี้

หลังจากนั้นโอกาสลงสนามของ อีสโก้ ค่อยๆ จางหายไปเมื่อ โซลารี่ ได้รับการแต่งตั้ง และดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมีปากเสียงกันซะด้วย นอกจากนี้นักเตะยังโดนแฟนบอลทีมตัวเองโห่สนั่นลั่นสนามเหย้าในเกมแพ้ ซีเอสเคเอ มอสโก 0-3 เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แถมเขายังเคยปฏิเสธรับปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก มาร์เซโล่ หลังแบ็กชาวบราซิเลียนถูกเปลี่ยนตัวออกในแมตช์ดังกล่าวด้วย

     อย่างไรก็ตาม อีสโก้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นภายใต้การทำงานร่วมกับ ซีดาน หลักฐานที่เห็นชัดเจนก็คือผลงานของเขาทำให้สโมสรตัดสินใจมอบสัญญา 5 ปีเมื่อเดือนกันยายน 2017 ฉะนั้นการที่ ซีดาน กลับมาครั้งนี้ อีสโก้ น่าจะได้รับโอกาสพิสูจน์คุณค่าของตัวเองอีกครั้ง