เหล่าสาวก "ปีศาจแดง" ถึงกับซี๊ดปากกันเลยทีเดียว เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกจับสลากไปชนกับยอดทีมแดนกระทิงดุอย่าง บาร์เซโลน่า ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ส่วน ลิเวอร์พูล งานเบาหน่อย เมื่อจะต้องเจอกับ ปอร์โต้ ซึ่งเป็นทีมที่พวกเขาโค่นแบบง่ายๆ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อซีซั่นก่อน
    ขณะที่ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องทำศึกสายเลือดกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ส่วน ยูเวนตุส ยอดทีมแดนมะกะโรนี ได้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยักษ์ใหญ่จากฮอลแลนด์ มาเป็นคู่ต่อกร ต้องบอกเลยว่า เป็นการประกบคู่ที่น่าสนใจไม่น้อย และก็ตามธรรมเนียมที่จะต้องเอาเกร็ดความรู้และสถิติที่น่าสนใจของทั้งสี่คู่มาฝากกัน

อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม VS ยูเวนตุส
    - 5 ครั้งหลังสุดที่เจอกันในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น อาแจ็กซ์ ไม่เคยเอาชนะ ยูเวนตุส ได้เลย (เสมอ 1 แพ้ 4) โดยชัยชนะเหนือ ยูเว่ ครั้งล่าสุดของพวกเขาในถ้วยนี้ ต้องย้อนกลับไปสมัยใช้ชื่อ ยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อฤดูกาล 1972-73 ซึ่งเกิดขึ้นในเกมรอบชิงชนะเลิศด้วย (อาแจ็กซ์ ชนะ 1-0) 
    - ยูเวนตุส ไม่แพ้ อาแจ็กซ์ ในเวทียุโรปมา 9 เกมติดแล้ว (ชนะ 5 เสมอ 4) หรือนับตั้งแต่ตอนแพ้ 1-2 ในถ้วย ยูฟ่า คัพ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1974

    - นี่คือครั้งแรกที่ ยูเวนตุส เจอกับ อาแจ็กซ์ ในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่ที่เคยเจอกันในรอบรองชนะเลิศ เมื่อฤดูกาล 1996-97 ซึ่งตอนนั้น ยูเว่ ผ่านเข้าสู่รอบชิงฯ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-2
    - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ ยูเวนตุส ทำได้ถึง 7 ประตู ยามเจอกับ อาแจ็กซ์ ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมีเพียงแค่ ยูเวนตุส (10) กับ บาเยิร์น มิวนิค (9) เท่านั้น ที่เขายิงได้มากกว่า
    - มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือ ยูเวนตุส เจอ อาแจ็กซ์ ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว 4 ครั้ง และไม่เคยคว้าชัยชนะได้เลย (เสมอ 3 แพ้ 1)

ลิเวอร์พูล VS ปอร์โต้
    - ลิเวอร์พูล ไม่เคยแพ้ ปอร์โต้ ในรายการนี้ (ชนะ 3 เสมอ 3)
    - ปอร์โต้ ถูก ลิเวอร์พูล เขี่ยร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยแพ้ด้วยสกอร์รวมสองนัด 0-5
    - ลิเวอร์พูล แพ้แค่หนเดียวเท่านั้น จาก 11 เกมยุโรปที่เจอกับทีมจากโปรตุเกสในรัง แอนฟิลด์ (ชนะ 7 เสมอ 3) โดยหนเดียวที่แพ้คือการปราชัยต่อ เบนฟิก้า ด้วยสกอร์ 0-2 ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง

    - ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบต่อไปได้ทั้งสี่ครั้ง ยามเจอกับทีมจากโปรตุเกสในรอบก่อนรองฯ ถ้วยยุโรป ซึ่งนั่นก็คือการปราบ เบนฟิก้า ในถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ ซีซั่น 1977-78 และซีซั่น 1983-84 รวมถึงในถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซีซั่น 2009-10 ส่วนอีกครั้งเป็นการโค่น ปอร์โต้ ในศึก ยูฟ่า คัพ ซีซั่น 2000-01
    - แฮตทริกครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงตอนนี้ของ ซาดิโอ มาเน่ ในการเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล คือการกระทุ้งสามประตูใส่ ปอร์โต้ ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (หงส์แดง บุกยำ 5-0)

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้
    - นี่คือหนแรกที่ สเปอร์ส ดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ในเวทียุโรป
    - ถือเป็นซีซั่นที่สองติดต่อกันสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ที่ต้องดวลกับสโมสรจากชาติเดียวกันในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯ โดยฤดูกาลที่แล้วพวกเขาถูก ลิเวอร์พูล เขี่ยตกรอบ (แพ้ด้วยสกอร์รวมสองนัด 1-5)
    - นี่คือครั้งแรกที่ สเปอร์ส เจอกับสโมสรเพื่อนร่วมชาติในถ้วยยุโรป นับตั้งแต่ที่เคยดวลกับ ลิเวอร์พูล ในศึก ยูฟ่า คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อฤดูกาล 1972-73 (สเปอร์ส แพ้ด้วยกฎประตูอะเวย์โกล)

    - แมนฯ ซิตี้ แพ้ทั้งสี่เกมที่เจอกับสโมสรอังกฤษในเวทียุโรป ซึ่งนั่นก็คือการพ่ายทั้งสองเลกที่เจอกับ เชลซี (0-1 และ 0-1) ในศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 1970-71 และพ่ายทั้งสองเลกที่เจอกับ ลิเวอร์พูล (0-3 และ 1-2) ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
    - สเปอร์ส ถูกสโมสรจากอังกฤษเขี่ยตกรอบน็อกเอาต์ถ้วยยุโรป 2 จาก 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งที่ร่วงคือการถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขี่ยตกรอบสอง (สกอร์รวมสองนัด 3-4) ในศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อฤดูกาล 1963-64 และการถูก ลิเวอร์พูล เตะร่วงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ เมื่อฤดูกาล 1972-73 (เสมอ 2-2 แต่แพ้ด้วยกฎอะเวย์โกล) ส่วนครั้งเดียวที่ "ไก่เดือยทอง" ได้เฮคือการอัด วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในศึก ยูฟ่า คัพ รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 1971-72 (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-2)
    - สามเกมหลังสุดที่เจอกันนั้น แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยชนะรวด (4-1, 3-1 และ 1-0) ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS บาร์เซโลน่า
    - นี่คือครั้งแรกที่ทั้งสองทีมโคจรมาดวลกันในเวทียุโรป นับตั้งแต่เกมรอบชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2010-11 ซึ่งเกมนั้น บาร์ซ่า อัด แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
    - แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยบุกไปเอาชนะ บาร์ซ่า ที่ คัมป์ นู ในเกมยุโรปได้เลย (แข่ง 4 ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 2) โดยครั้งล่าสุดคือการบุกไปเสมอ บาร์ซ่า 0-0 เมื่อเดือนเมษายน 2008 (เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
    - ถ้าไม่นับการเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ทั้งสองครั้งในการเจอกับ บาร์เซโลน่า รอบน็อกเอาต์ถ้วยยุโรป ซึ่งนั่นคือการเขี่ย บาร์ซ่า ตกรอบก่อนรองฯ คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1983-84 (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-2) และเขี่ย บาร์ซ่า ร่วงรอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2007-08 (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 1-0)

    - นับตั้งแต่ถูก เชลซี เตะร่วงรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2011-12 บาร์เซโลน่า สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ทั้งหมดสี่ครั้ง ที่เจอกับสโมสรจากอังกฤษในรอบน็อกเอาต์ถ้วยยุโรป โดยเที่ยวล่าสุดคือการอัด เชลซี (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-1) ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
    - บาร์เซโลน่า ได้เฮทั้งสองหนในการเจอกับสโมสรอังกฤษในรอบก่อนรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งนั่นก็คือการอัด เชลซี (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-4) ฤดูกาล 1999-00 และ อาร์เซน่อล (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-3) ฤดูกาล 2009-10
    - แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยได้แค่สองหนเท่านั้น จาก 15 เกมหลังสุดที่เจอกับสโมสรจากสเปนในเวทียุโรป (เสมอ 6 แพ้ 7) ซึ่งก็รวมถึงฤดูกาลนี้ที่พวกเขาเอาชนะ บาเลนเซีย ไม่ได้เลยทั้งสองเกมที่เจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม (เสมอ 0-0, แพ้ 1-2)
    - บาร์เซโลน่า แพ้แค่สองหนเท่านั้น จาก 41 เกมที่เปิดรัง คัมป์ นู ดวลกับสโมสรจากอังกฤษในเวทียุโรป (ชนะ 27 เสมอ 12) โดยทั้งสองครั้งที่แพ้เป็นการปราชัยให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด (พ่าย 0-1 เกม ยูฟ่า คัพ รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ซีซั่น 1975-76, พ่าย 1-2 เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก ซีซั่น 2006-07)
    - ลิโอเนล เมสซี่ ยอดกองหน้า บาร์เซโลน่า ทำไปแล้วถึง 22 ประตู ยามเจอกับสโมสรจากอังกฤษในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกๆ คน และก็ทำไปแล้ว 2 ประตูในการเจอกับ "ปีศาจแดง"