ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เกือบไป ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล เฉือนหวิว ฟูแล่ม

เกือบไป ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล เฉือนหวิว ฟูแล่ม

Posted 18/03/2019 by siamsport

 

ลิเวอร์พูล หวนคืนสู่ตำแหน่งจ่าฝูงลีกอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาบุกไปชนะ ฟูแล่ม 2-1 เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่งานนี้กว่าจะได้ 3 คะแนนสำคัญก็ทำเอาบรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ใจหายใจคว่ำ เพราะทีมเกือบพลาดเพียงเพราะการเล่นที่ผิดพลาดไม่กี่ครั้งเท่านั้น

ซาดิโอ มาเน่ ยังคงเป็น "เดอะ แบก" ให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงเวลานี้เพราะเขายิงประตูสำคัญให้ต้นสังกัดต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เกิดปัญหาฟอร์มหลุดยิงประตูไม่ค่อยได้ "หงส์แดง" ยังพออุ่นใจเนื่องจาก ดาวเตะเซเนกัล กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดขีด

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่สร้างความเสียหายมากๆ ของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ อลีสซง เบ็คเกอร์ เกือบทำให้การลุ้นแชมป์ลีกกลายเป็นงานสุดหินสำหรับ "เดอะ เร้ดส์" เดชะบุญที่ทีมได้ประตูชัยจากจังหวะจุดโทษของ เจมส์ มิลเนอร์

กระนั้นสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องรีบทำการแก้ไขเป็นการด่วนก็คือการเรียกความมั่นใจของ ซาลาห์ กลับคืนมา รวมไปถึงการพยายามนำทีมคว้าชัยชนะในเกมเยือน เพราะตั้งแต่ช่วงกลางเดือนม.ค. 2019 ทีมเพิ่งได้ 3 แต้มในเกมลีกนัดเยือนจากถิ่นคราเว่น ค็อตเทจ เท่านั้น


1. ลิเวอร์พูล คืนสู่จ่าฝูง 
    ลิเวอร์พูล ทำภารกิจสำคัญในการกลับขึ้นมายึดตำแห่งจ่าฝูงได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ก็ทำเอาบรรดา "เดอะ ค็อป" ใจหายใจคว่ำ เพราะเกือบจะทำแต้มหลุดมือไปสองคะแนน จากการเล่นผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง

 

แน่นอนว่าชัยชนะในแมตช์นี้แม้ว่าอาจจะทำเอาหวาดเสียวไปบ้าง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาคืนสู่บัลลังก์จ่าฝูงลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และทำให้การลุ้นแชมป์ลีกมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการรั้งจ่าฝูงชั่วคราวเพราะ "หงส์แดง" แข่งมากกว่า "เรือใบสีฟ้า" 1 นัด ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือลุ้นให้ แมนฯ ซิตี้ สะดุดในแมตช์ตกค้าง และนั่นจะทำให้ทุกอย่างกลับมาอยู่ในมือของ "เดอะ เร้ดส์" อีกครั้ง

    สำหรับตอนนี้ ลิเวอร์พูล คงหายใจได้ทั่วท้องเพราะในช่วงสัปดาห์นี้เกมลีกไม่มีแข่งเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทีมชาติลงแข่ง แต่สิ่งสำคัญก็คือ ลิเวอร์พูล (รวมทั้งทีมอื่นๆ) ต้องลุ้นอย่าให้นักเตะของพวกเขาที่เดินทางไปรับใช้ชาติได้รับบาดเจ็บ เพราะในแมตช์ต่อไปทีมต้องเจองานหินเมื่อต้องรับมือ สเปอร์ส ที่แอนฟิลด์
 

2.  ฟาน ไดค์ พลาดแบบไม่น่าพลาด
    เพอร์กิล ฟาน ไดค์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ ในฤดูกาลนี้ โดยเขาเป็นหนึ่งในนักเตะสำคัญที่ทำให้เกมรับของ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งดั่งภูผาหิน อย่างไรก็ตาม แข้งเลือดดัตช์ ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งย่อมมีโอกาสที่จะทำผิดพลาดได้บ้างในบางครั้ง   

    ก่อนหน้าเกมนี้ ไรอัน บาเบล เคยออกมาพูดว่า ฟาน ไดค์ มีจุดอ่อนเหมือนกัน และไม่รู้ว่าจังหวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ ดาวเตะชาวฮอลแลนด์ พูดพาดพิงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ประตูนั้นทำให้แฟนบอล "หงส์แดง" ออกอาการอกสั่นขวัญหายเพราะกลัวจะทำแต้มหลุดมือ

 

กระนั้นหากมองด้วยความเป็นกลางจังหวะที่ถูกตีเสมอ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเตะบอลเคลียร์โด่งไม่ดีของ เจมส์ มิลเนอร์ ทำให้ ฟาน ไดค์ ต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดัน และโหม่งบอลคืน อลีสซง เบ็คเกอร์ เบาเกินไป และทำให้ บาเบล วิ่งแซงแย่งบอลเข้าไปซัดประตูได้สำเร็จ

    แน่นอนว่า ฟาน ไดค์ เป็นเซนเตอร์แบ็กที่เหนียวแน่นที่สุดในโลก ซึ่งความผิดพลาดนั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงในเรื่องนี้ แต่ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นอาจมีผลต่อความสำเร็จของทีม ฉะนั้นเหล่า "เดอะ ค็อป" หวังว่านี่จะเป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เห็นจาก ฟาน ไดค์ ในซีซั่นนี้


3. ซาดิโอ มาเน่ ฮีโร่อีกแล้ว
    ก่อนหน้านี้ ซาดิโอ มาเน่ ต้องเจอกับความยากลำบากในการงัดฟอร์มเก่งออกมา ที่สำคัญผลงานของเขาเทียบกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟอร์มของ ดาวเตะทีมชาติเซเนกัล ร้อนแรงเกินห้ามใจจริงๆ ในช่วงท้ายฤดูกาลปัจจุบัน

 

 ต้องยอมรับว่า มาเน่ โชว์ฟอร์มโดดเด่นเป็นสง่านแมตช์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบเกม เขายิงประตูที่มีความสำคัญมากๆ และเป็นประตูที่ 11 จากการเล่น 11 เกมล่าสุด แถมประตูเบิกร่องในแมตช์เฉือน ฟูแล่ม ยังเป็นประตูที่ 20 ของเขาในซีซั่นนี้ เท่ากับที่เจ้าตัวทำได้ตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา

    ขณะเดียวกันผลงานยิงประตูในพรีเมียร์ลีก ตอนนี้ มาเน่ ตะบันไปเบาๆ สบายๆ 17 ประตู เท่ากับ โม ซาลาห์ และตามหลัง เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าจอมถล่มประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้น ทำให้เวลานี้การลุ้นดาวซัลโวประจำลีก หรือ รางวัลรองเท้าทองคำ เข้มข้นไม่แพ้การลุ้นแชมป์ลีกเลยทีเดียว


4. ซาลาห์ ฟอร์มหดน่าใจหาย ?
    เมื่อมองสถิติของ ซาลาห์ คงทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล ใจหายใจคว่ำเลยทีเดียว เมื่อเขาไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นให้กับต้นสังกัด 7 เกม อย่างไรก็ตามหากมองข้ามเรื่องทำประตู ในเกมนี้ "คิง ออฟ อียิปต์" มีส่วนช่วยเหลือต้นสังกัดอย่างมาก

 

ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้ ซาลาห์ มักจะโดนคู่แข่งจับตามองเป็นพิเศษ และบ่อยครั้งที่เขาต้องโดนแท็กติคตามปะกบสองตัว โดยในเกมกับ ฟูแล่ม ก็เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หัวหอกทีมชาติอียิปต์ สามารถใช้ความเร็ว และการสร้างสรรค์เกมปั่นป่วนเกมรับเจ้าบ้านได้ตลอด

    ฉะนั้นหาก ซาลาห์ ยังคงพยายามที่จะรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ พร้อมกับหาทางแก้ปัญหาในการโดนคู่แข่งตามปะกบติดเป็นเงาตามตัว แน่นอนว่าเขาจะกลับมายิงประตูได้อีกครั้ง และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงไว้วางใจให้ ซาลาห์ ลงเล่นเป็นตัวจริงเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้คู่แข่งพะวง และอาจเป็นการเปิดช่องให้ มาเน่ กับ ฟีร์มีโน่ ได้มีพื้นที่เล่นมากขึ้นด้วย


5. ลิเวอร์พูล ยังมีปัญหาเล่นเกมเยือน
    จากจังหวะการเล่นที่ผิดพลาดระหว่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง เบ็คเกอร์ ทำให้ทีมต้องเสียประตูไปแบบไม่น่าเสีย แน่นอนว่าการเล่นที่ไม่เข้าใจกันระหว่างทั้งสองคนทำให้ทีมโดน บาเบล วิ่งฉกบอลเข้าไปทำประตูตีเสมอ ซึ่งแฟนบอลคงได้เห็นกันไปแล้ว

 

 แม้ว่าแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล จะได้ 3 คะแนนก็ตาม แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือแมตช์นี้เป็นชัยชนะเกมลีกแมตช์เยือนนัดแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมปีนี้ ฉะนั้นถ้าพวกเขายังเล่นนอกบ้านแบบนี้ต่อไป และโชคไม่ได้เข้าข้างเหมือนในเกมเยือน "เจ้าสัวน้อย" งานนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 29 ปีของพวกเขาก็ได้

 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »